บทสัมภาษณ์ต้อนรับอัลบั้มใหม่วง Whitechapel จาก Metal Insider อ่านไปฟังไปก็ได้อารมณ์ดี ดูมีเรื่องมีราวดีนะครับท่านผู้ชม

Whitechapel คือหนึ่งในไม่กี่วงจากสายเดธและเมทัลคอร์ที่ทุกๆ งานที่ปล่อยออกมามีพัฒนาการเพิ่มขึ้นเป็นลำดับ วันนี้อัลบั้ม “Our Endless War” ได้ออกสู่สาธารณะชนอย่างเต็มรูปแบบแล้ว และหกหนุ่มจากน็อกซ์วิลล์ก็เดินหน้าท้าทายการจำแนกแนวดนตรีต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง เราพูดคุยกับนักร้องหนุ่ม ฟิล โบซแมน เกี่ยวกับความเป็นไปของอัลบั้มที่ห้าของ Whitechapel ว่าเป็นอัลบั้มที่ดูเติบโตขึ้นอย่างไร วิธีการรับมือกับอุปสรรคต่างๆ ของเส้นทางดนตรี รวมไปถึงประสบการณ์ดีๆ ที่เขาเคยได้พบเจอกับ เดฟ บร็อคกี้

เราทราบมาว่าในการทำอัลบั้ม Our Endless War ทางวงทุ่มเทกับมันเป็นอย่างมาก อะไรที่ทำให้พวกคุณรู้สึกว่าต้องก้าวไปให้ไกลมากกว่าเดิม

เราคิดว่าการทำเพลงควรต้องมีการเปลี่ยนแปลง ขยับขยายออกไปให้กว้างกว่าเดิม ไม่ใช่การเขียนเพลงแบบเดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่า และครั้งนี้คือโอกาสที่พวกเราจะได้ทำอะไรที่เป็นตัวเรา แสดงออกถึงความเป็นตัวเราจริงๆ ผ่านงานเพลงใขณะที่พวกเรายังทำกันได้

มีอะไรที่พวกคุณอยากจะทำในอัลบั้มนี้ และไม่เคยทำมาก่อนบ้างไหม

ผมว่าอัลบั้มนี้จะทำให้ทุกคนเข้าใจได้ว่าพวกเราไม่ได้เขียนแค่เพลงหนักๆ โหดๆ กันอย่างเดียว พวกเรามีความจริงใจ เสียใจ มีความรู้สึกต่างๆ ที่เกิดขึ้นจริงในชีวิต นอกเหนือไปจากเพลงที่มีแต่ความดิบ เถื่อน ฆ่ากันเลือดสาด เลือด! เลือด! เลือด! คือมีความรู้สึกจริงๆ ในงานเพลงชุดนี้ นั่นคือสิ่งที่เราไม่เคยทำมาก่อน

จากการติดตามคลิปวีดีโอเบื้องหลังการทำงานของพวกคุณมา เห็นว่าความคืบหน้าต่างๆ ช้าลงไปช่วงหนึ่งจากการกลับไปแก้ไขเพลงบางส่วน เพราะอะไรถึงต้องกลับไปแก้ไขใหม่แบบนั้น

เรายังไม่พร้อม เพลงยังไม่ค่อยสมบูรณ์ เรารู้สึกว่าไม่ชอบในอะไรหลายๆ อย่าง มีหลายอย่างที่ยังไม่ค่อยลงตัวเท่าที่ควร พวกเราเลยคิดว่ากลับไปทำใหม่ให้มันออกมาดี 100% เลยจะดีกว่า

ถ้าไม่ใช่ก็บอกนะครับ แต่เห็นมีพูดถึงว่าคุณกำลังมีปัญหาเกี่ยวกับการเขียนเพลงด้วยหลังจากที่ออกทัวร์ต่อเนื่องมานาน คุณจัดการกับปัญหานี้อย่างไร และคุณทำอย่างไรให้กลับมาคิดเพลงได้อย่างลื่นไหลอีกครั้ง

ผมแค่กลับไปคิดถึงชีวิตที่ผ่านมา คิดถึงความเป็นไปของโลก การสุมหัวระดมความคิดอาจจำเป็นสำหรับคนอื่นๆ แต่ไม่สำหรับผม

มีอะไรเป็นพิเศษที่เป็นแรงบันดาลใจในการเขียนเพลงของคุณไหม หรือว่าทุกสิ่ง

ใช่ครับ ก็ทุกสิ่งทุกอย่างนั่นแหละ ไม่มีอะไรที่เฉพาะเจาะจงกับเพลงใดเพลงหนึ่ง

คุณพบกับอุปสรรคปัญหามากมายตลอดหลายปี คุณรับมือกับมันอย่างไรในขณะที่ต้องเดินสายทัวร์และขึ้นโชว์ต่อหน้าคนเป็นพันอยู่ตลอดเวลา

ผมก็แค่พยายามเผชิญหน้ากับมัน ซึ่งทำมาเป็นเวลานานมากแล้ว ผมจะบอกว่าเพราะผมอยู่กับมันมานานนั่นแหละ เลยทำให้เริ่มที่จะควบคุมมันได้มากเท่าที่ตัวเองจะทำได้ ที่สุดแล้วมันก็คือสิ่งที่เราจะต้องเจอ และผมต้องผ่านมันไปให้ได้

เรื่องนี้ก็เป็นแรงบันดาลใจในการเขียนเพลงด้วยหรือเปล่า

ใช่ครับ มีส่วนอย่างแน่นอน

มีเพลงไหนในอัลบั้มที่เกี่ยวกับปัญหาเหล่านั้นโดยเฉพาะไหม

มีครับ เพลงที่เป็นโบนัสแทร็คในอัลบั้มอย่าง “A Process So Familiar” คือเพลงที่พูดถึงปัญหาพวกนั้นจริงๆ

คุณมีอะไรจะแนะนำสำหรับนักดนตรีรุ่นใหม่ที่กำลังประสบปัญหาแบบเดียวกันไหม

ผมจะบอกว่าปล่อยมันไป อย่าไปเก็บมาคิดให้หนักหัว ใช้ความสามารถของคุณทำให้เต็มที่ อย่าหยุดที่จะทดลองอะไรใหม่ๆ ด้วยตัวคุณเอง และคอยดูว่าคุณได้อะไรบ้างจากสิ่งที่ทำ

เราทุกคนยังคงเสียใจกับการจากไปของ เดฟ บร็อคกี้ และทราบว่าทาง Whitechapel กับ GWAR เคยทัวร์ร่วมกันหลายครั้งมาก มีช่วงเวลาที่ได้พบเจอกับเดฟครั้งไหนบ้างที่คุณชอบเป็นพิเศษก่อนที่เขาจะจากไป

ในทุกๆ วัน เขานั้นสุดยอดมาก ครั้งสุดท้ายที่เขาขึ้นมาบนรถของพวกเรา จำได้ว่าเขาเมา แต่ก็ยังพูดว่าเขานั้นรู้สึกปลาบปลื้มพวกเรามาก บอกว่าพวกเรานั้นเจ๋ง และรู้สึกยินดีที่ได้ร่วมทัวร์กับพวกเรา มันเป็นช่วงเวลาที่สุดยอดมากจริงๆ สำหรับเรา

พวกคุณกำลังจะมีทัวร์ร่วมกับ เดวิลไดร์ฟเวอร์ จากนี้มีแผนจะทำอะไรต่อไปไหม คิดว่าจะมีทัวร์ตามเทศกาลฤดูร้อนหรือเปล่า

เรายังไม่แน่ใจเท่าไร ยังไม่มีกำหนดการอะไรที่ชัดเจน แต่เราก็มีพูดคุยกันถึงสิ่งที่จะทำกันในอนาคตไว้แล้วล่ะ

เป็นบทสัมภาษณ์ที่สั้นและกระชับที่สุดชิ้นหนึ่งเท่าที่เคยอ่านๆ มา แต่เราก็ได้รู้ว่าการจะทำเพลงสักเพลงนึง มันต้องผ่านอะไรบ้างจากมุมมองของนักดนตรีเอง ซึ่งก็ถือว่าเป็นการศึกษาประสบการณ์ตรงที่น่าสนใจ ที่เราได้หยิบมาแปลให้ได้อ่านกัน ขอบคุณสำหรับการติดตามครับ