กว่า 12 ปีที่วงร็อกชื่อดังอย่างฟาเรนไฮต์ ได้ห่างหายจากการปล่อยผลงานเพลง หลังจากที่เคยฝากเพลงฮิตติดชาร์ตไว้มากมายสมัยทำงานกับมอร์ มิวสิค เช่น “เจ้าหญิง”, “เงียบทำไม”, “ผิดไหม” และอีกมากมาย ล่าสุดพวกเค้ากลับมาพร้อมซิงเกิ้ลใหม่ “ฉันยังหายใจอยู่” พร้อมทั้งมีการปรับเปลี่ยนไลน์อัพเล็กน้อย สมาชิกปัจจุบันได้แก่ ทราย ภริม พรานพนัส – ร้องนำ, ใหญ่ กิตติศักดิ์ โคตรคำ – มือกลอง จาก LOSO พร้อมด้วย 2 สมาชิกใหม่ นาญ ชำนาญ เขม่นจันทร์ มือกีตาร์ จาก Syam และ เอก อาคม นุชนิล มือเบส จากวง Taxi นอกจากนั้นพวกเค้ายังได้กลายเป็นศิลปินอิสระเต็มตัว ทำให้การทำงานยังมีการเปลี่ยนแปลงคือการดูแลตัวเองทุกขั้นตอน ต้องผ่านปัญหา ผ่านอุปสรรคมากมายกว่าจะที่มาเป็นเพลง “ฉันยังหายใจอยู่” ซึ่งทราย นักร้องนำเสียงทรงพลังของวงจะมาบอกเล่าเรื่องราวทั้งหมด รวมถึงความเป็นมาก่อนจะเป็นฟาเรนไฮต์จากบทสัมภาษณ์นี้ครับ
ช่วงที่ฟาเรนไฮต์หายไปจากวงการดนตรี
มีคนเข้าใจแบบนี้เยอะมากว่าฟาเรนไฮต์แยกกัน แต่จริง ๆ พวกเราไม่ได้แยกกันไปไหน พวกเราแค่หายไปจากสื่อ 12 ปี เราไม่ได้ออกเพลงใหม่มา 12 ปี ทำให้เหมือนหายจากวงการไปเลย แต่จริง ๆ ไม่ได้หายไปไหน เรายังมีงานเล่นคอนเสิร์ตเกือบทุกเดือน บางเดือนมาก บางเดือนน้อย แต่ก็ยังเล่นกันอยู่ ยิ่งช่วงเดือนก่อนโควิดงานค่อนข้างเยอะ คนส่วนมากจะเจอในคอนเสิร์ตไม่ค่อยเจอในสื่อ มันเลยกลายเป็นว่าเหมือนหายไป ส่วนใหญ่งานจะมีในผับ ที่เป็นวัยรุ่นและร้านอาหาร เพลงที่เลือกไปจะมีทั้งแบบเต็มวงแล้วแบบฟังสบาย ๆ บ้าง เพื่อเพิ่มเป็นพิเศษให้กับคนที่เข้ามาที่ร้าน
ที่มาที่ไปของเพลง “ฉันยังหายใจอยู่”
เพลง “ฉันยังหายใจอยู่” เพลงนี้จริง ๆ เป็นเพลงที่ถูกแต่งไว้เมื่อ 10 ปีที่แล้ว คนที่แต่งให้ทรายก็คือ “Scott Moffatt” คือช่วงเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ทรายยังอยู่ที่แกรมมี่ แล้วผู้ใหญ่ที่นั่นก็ลองให้ สกอตมาแต่งเพลงให้ เค้าก็แต่งมาให้มีสัก 3-5 เพลง ซึ่ง “ฉันยังหายใจอยู่” ก็เป็นหนึ่งในนั้น แล้วครั้งแรกที่ทรายได้ฟังเพลงนี้ ทรายรู้สึกชอบ รู้สึกหลงรักมันเลย ตั้งแต่ตอนที่ยังเป็น demo แล้วก็จะมีทีมแต่งเนื้อเพลงนี้เอาไว้แล้วด้วย แต่งโดยคุณป้อน รัมภา ซึ่งเป็นหนึ่งในสมาชิกทีมแต่งเนื้อของแกรมมี่ แล้วทรายก็เอาเนื้อกับเพลงมาลองร้องด้วยกัน ซึ่งมันโอเคมากเลย เนื้อเพลงมันพอดี ซึ่งดนตรีในเพลงนี้ฟังแล้วรู้สึกถึงพลังบวกอันนี้คือในความรู้สึกของทรายนะ มันเลยทำให้ทรายยิ่งชอบเพลงนี้มากขึ้นไปอีก แล้วช่วงที่มีการประชุมงานกันในมุมมองของผู้ใหญ่ตอนนั้นเค้ารู้สึกว่าเพลงนี้ในมุมมองของการขาย อาจจะไม่ได้สำเร็จมากนักนะ เขาอาจจะต้องเบรกเพลงนี้ไว้ก่อน ซึ่งทรายเข้าใจดีว่ามันต้องหารายได้จากผลงาน ซึ่งทรายก็เห็นด้วยเพราะทรายก็คิดว่าวงก็ไม่ได้ดังติดลมบนขนาดนั้น เขาก็เลยขอเบรกเพลงนี้ไว้ก่อน แต่ทรายก็ยังชอบและรักเพลงนี้มาโดยตลอดตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ ทรายก็คิดมาโดยตลอดว่าจะทำยังไงให้ได้มีโอกาสนำเพลงนี้ออกมา จนมาถึงวันนี้ทรายก็รอมา 10 ปี เพลงนี้มีโครงเดิมอยู่ประมาณ 80% เรียบเรียงใหม่นิดหน่อย จะเพิ่มเสียงคอรัสเสียงผู้ชาย แล้วเสียงคอรัสนี้ก็เหมือนมาแทนคนในวงให้มันดูเต็มขึ้นอีก แต่ว่าเพลงนี้จะมีปัญหานิดนึงคือ เราทำเพลงนี้ไม่ต่อเนื่อง เราตกลงกันว่าจะเอาเพลงนี้เป็นซิงเกิ้ลปล่อยตั้งแต่ปี 61 แต่ด้วยตอนนั้นมีงานคอนเสิร์ตเยอะจนทำให้เราเหนื่อย ซึ่งใจยังไม่พร้อมจะสร้างเพลงใหม่ แต่ในปี 61 ก็มีการอัดดนตรีและอัดร้องครั้งแรกไปแล้ว แต่พอมาฟังทรายรู้สึกว่ามันยังไม่สุด รู้สึกว่ายังขาดอะไรไปสักอย่าง แต่พอมาอัดร้องครั้งที่ 2 ก็ได้เพิ่มเสียงต่าง ๆ เข้าไปจนรู้สึกว่ามันเต็ม และเพลงนี้ก็ได้ผู้ใหญ่คอยช่วยอยู่ตลอดจนสุดท้ายเพลงเสร็จทุกอย่างช่วงปลายปี 62 เราดีใจมากเพราะเรามีเพลง เพลงเราเสร็จแล้ว Mastering แล้ว
ครั้งแรกที่ลงมาลุยงานเบื้องหลังทั้งหมดด้วยตัวเอง
เรามีแค่เพลงนะ เราไม่มีภาพทำยังไงดี ทรายก็เครียดเลยถ้าจะเอาเพลงปล่อยไปเฉย ๆ ไม่เอาเด็ดขาด ทรายเสียดายเพลง และทรายก็ชอบเพลงนี้มาก เครียดมากเลยว่าจะทำยังไง โทรหาเพื่อนให้เพื่อนมาช่วยเรื่องภาพนิ่งให้ ทำภาพปก ทรายคุยกับเพื่อนว่าทรายมีซิงเกิ้ลนี้ทรายกำลังจะออกซิงเกิ้ลนี้ แต่ว่าเราไม่มีภาพโปรโมต เราไม่มีอะไรเลย เพื่อนมาช่วยเราได้ไหมเรื่องคอสตูม เรื่องการแต่งหน้าหรืออะไรก็ตามที่เป็นแบบดีเทลในส่วนของภาพนิ่ง หรือแม้กระทั่งโลโก้ของวง เพื่อนก็เลยบอกว่าโอเคเดี๋ยวฉันจะช่วยเธอเอง และเพื่อนก็มาช่วย ทรายดีใจมาก ทรายพูดได้เลยถ้าไม่มีเพื่อนช่วยงานจะไม่สามารถออกมาแบบนี้ได้เลย หรือไม่เพลงนี้อาจจะต้องถูกเก็บเอาไว้ด้วยซ้ำ แต่ทรายโชคดีมากเพราะเพื่อนมาช่วยในส่วนของงานภาพนิ่ง ก็คือเพื่อนไปหาสถานที่ที่ถ่ายก็โหดมาก เป็นภูเขาหินแกรนแคนย่อนที่ชลบุรีเพื่อนก็เอารุ่นน้องของเพื่อนที่เป็นช่างกล้อง ทีมเมคอัพ ช่างหน้าช่างผมเพื่อนก็ไปหามา ต้องบอกก่อนว่าฟาเรนไฮต์เคยอยู่ค่ายมาก่อน เราเคยมีคนดูแลทั้งหมดในทุก ๆ ภาคส่วน แต่ทุกวันนี้เราเป็นศิลปินอิสระแล้วเราต้องดูแลเองทั้งหมด ทั้งหมดจริง ๆ นะคะ แม้กระทั้งการไปแบกเสื้อผ้ากับเพื่อนทรายก็ทำ ทรายไปหาสปอร์นเซอร์มาช่วยเรื่องเสื้อผ้าถ่ายภาพปกไปกับเพื่อนแล้วเอาเสื้อที่ต้องใช้ถ่ายทั้งหมดมา เสื้อผ้าทรายกี่ชุดก็เอามา เสื้อผ้าของพี่ ๆ อีก 3 คน ๆ ละกี่ชุดทั้งหมดเอามาแล้ว เสื้อผ้าทั้งหมดหนักมากค่ะ หนักมาจริง ๆ ทรายกับเพื่อน 2 คนแบกเสื้อกลับบ้านเพื่อที่จะเอาไปถ่ายและไปถ่ายที่ภูเขาหินที่ ๆ เราต้องปีนขึ้นไปเพื่อไปถ่ายไปหาสถานที่หามุมว่าจะถ่ายมุมไหนดี และภูเขาหินไม่ใช่จะเดินกันง่าย ๆ ใช่ไหมคะ พี่เขาก็คือแบกกลอง แบกเบส ส่วนทรายเนี่ยก็ถือกลองใบเล็กแล้วน้องอีกคนที่ให้เค้ามาช่วยด้วยก็ถือกลองใบใหญ่ก็เดินกับปีนเขาไปด้วย พี่ชำนาญถือเก้าอี้กลอง และเพื่อนกับน้องก็ช่วยกันแบกเสื้อ คือเหมือนทุกคนเค้ามาช่วยเรา ถ้าทรายไม่มีเพื่อนและทีมรุ่นน้องของเพื่อนทรายจะไม่มีภาพนิ่งเลย โลโก้วงก็ยังไม่มี มันมีอุปสรรคเยอะก็จริงแต่เรายังโชคดีที่มีคนมาช่วยและสุดท้ายภาพนิ่งก็ออกมาที่เราเดินกันอยู่ในภูเขา แล้วจริง ๆ จะมีภาพสีดำด้วยนะคะ เป็นภาพ 4 คนตัวเล็กอยู่บนภูเขา ภูเขาก็สีดำ ๆ แล้วข้างหลังเป็นฟ้าสีเหลืองสีทอง ทรายไม่แน่ใจว่าได้เห็นหรือเปล่า เราต้องปีนขึ้นไปบนยอดเขาบางลูกเพื่อหามุมถ่ายกัน คือแบบมันสุด ๆ จริง ๆเราไม่เคยทำงานแบบนี้ไงคะ แล้วพอได้ทำอะไรแบบนี้เราเลยซึ้งถึงการที่จะต้องทำงานด้วยตัวเอง เพราะสุดท้ายภาพนิ่งก็ออกมาแล้ว เพลงก็ออกมาแล้ว
“ด่านต่อไปก็คือมิวสิกวิดีโอ”
ก็โทรหาเพื่อนอีก เพื่อนนี้เค้าทำ Production House ทรายก็บอกเพื่อนว่าทรายต้องออกซิงเกิ้ลนะ ทรายมีภาพนิ่ง มีเพลงแล้ว แต่ทรายยังไม่มีมิวสิกวิดิโอเลย เพื่อนมาช่วยทรายหน่อยได้ไหมเพื่อนก็เงียบไปพักนึงแล้วก็บอกว่าโอเคเดี๋ยวเราช่วย แล้วทุกคนก็คงทราบว่ารายละเอียดเอมวีมันเยอะมาก แล้วมันมีความยุ่งยากใช้ได้เลย เพื่อนก็หาคอนเซป หาเนื้อหาว่าเพลงนี้จะสื่อสารเป็นภาพไหนดี ทรายต้องการแบบไหน ถ้าเป็นเรื่องราวทรายต้องการเรื่องราวอะไร แต่ทรายไม่ได้ต้องการเรื่องราวมากมาย ทรายต้องการเป็นแบบสัญลักษณ์ ที่มองแล้วรู้สึก เพื่อนก็โอเคได้คอนเซปมาส่วนหนึ่ง แล้วสถานที่แล้วเป็นอ่างเก็บน้ำที่ชลบุรี ซึ่งเพื่อนก็เอาน้องที่เป็นสวัสดิการดูแลทุกอย่างและช่างไฟ ช่างกล้อง เพื่อนก็ไปหามาจนได้ คือไม่รู้จะพูดยังไงถ้าไม่มีเพื่อนช่วยทรายก็ไม่มีทางได้ออก MV เหมือนกัน แล้วปกติ MV ที่ทรายเคยไปเจอมาก็มีการซิงค์ การแต่งหน้าทำผมเสร็จกลับบ้าน แต่อันนี้มันคือในทุก ๆ ขั้นตอนของ MV แม้กระทั่งภาพที่ถ่ายเป็นฟุตเทจมาแล้วยังต้องมานั่งดูว่าเป็นยังไง แล้วก็มาเลือกว่าอันไหนใช้ได้ สิ่งที่ไม่เคยทำทรายก็ต้องทำ หลังจากนั้นก็มีการส่งดราฟต์แรกมาให้ดูซึ่งเราก็แก้ว่าอันนี้สั้นไปอันนี้ยาวไป แม้กระทั่งสปอนเซอร์มีกี่ตัว อันไหนต่ออันไหน แล้วเครดิตของเพลงจะต้องดูว่าตรงไหนฟรอนต์ต้องเป็นยังไง *ดาวโหลดอยู่ตรงไหน ซึ่งทำขนาดนี้เลยค่ะ ซึ่งทรายก็ไม่เคยทำมาก่อน ทรายเลยเข้าใจกับศิลปินที่ไม่มีค่ายต้องทำทุกอย่างเอง กว่าจะออกมาเป็นซิงเกิ้ลและทุกอย่างครบมันสุด ๆ จริงค่ะ รู้ซึ้งเลย แล้วเพื่อนเนี่ยบางวันก็ต้องนอน 6 โมงเช้า 10 โมงเช้าส่งงานมาให้ดูว่าแก้ตรงไหนบอกทิ้งไว้เลยนะขอไปนอนก่อน ทรายสงสารเพื่อนเค้าตั้งใจมาข่วยเราจริง ๆ ซึ่งเค้าบอกเค้าจะมาช่วยเรา เราจะไปบอกเร่งเค้าไม่ได้ ทรายกับวงก็เลยต้องรอว่าเมื่อไหร่จะว่าง เมื่อไหร่จะมีเวลาให้เรา เค้าดีมาก ๆ พอเค้าว่างเค้าก็จะหาวันถ่าย นัดวันทำงานให้เรา แล้วก็จะส่งมาว่าแบบนี้โอเคไหม คือตอนนี้สรุปแล้วว่ามีเพลงแล้ว มีภาพนิ่งแล้ว ดีใจมากมีทีเซอร์กับ MV ด้วย

“ด่านต่อไปคือการเอาเพลงเข้าระบบสตรีมมิ่ง”
ถามว่าฟาเรนไฮต์ทำเองได้ไหม เราทำกันไม่ได้อยู่แล้ว ก็ได้พี่ใหญ่มือกลองที่เคยเป็นพนักงานที่มิวสิคมูฟมาก่อน และมีความสัมพันธ์ที่ดีกับมิวสิกมูฟ พี่ใหญ่ก็เลยคุยกับผู้ใหญ่ในมิวสิกมูฟว่าให้เอาเพลงนี่เข้าระบบสตรีมมิ่งได้ไหม เค้าก็บอกว่าได้ สรุปเราก็โชคดีอีกค่ะ ได้เอาเพลงเข้าระบบสตรีมมิ่ง เช่น Joox, Spotify, Apple Music หรือแม้ Line TV ก็เอาเข้าให้ คือเค้าช่วยเค้าช่วยเราเยอะมากเลยค่ะ สิ่งที่ทรายต้องทำเพิ่มเติมอีกเป็นสิ่งที่ทรายก็ไม่เคยทำเหมือนกันคือภาพปก ภาพแบรนด์เนอร์ ทรายก็หามา ทรายก็ปรึกษาเค้าว่าเพลงนี้จะต้องปล่อยอะไรก่อนดี ปล่อยเป็นทีเซอร์ไหม หรือปล่อยเพลงใน Joox ก่อน หรือแบบนี้มันเร็วไป ถ้าเร็วไปขอขยับไปให้ช้ากว่านี้ได้ไหม คือมีการปรึกษาพูดคุยกันตลอดเลยนะคะ คือในเรื่องติดต่อประสานงานคืนทรายลุยเองเลย แต่คือพี่ ๆ ในวงก็ช่วยในส่วนที่พี่เค้าทำได้ เค้าช่วยอย่างดีด้วย พี่ ๆ บอกว่าทรายมีอะไรให้ช่วยบอกนะ คือสุดท้ายทรายก็ทำเอง แต่พี่เขาก็ช่วย Set เพลงไปสถานีต่างจังหวัดด้วย ขอบคุณมากเลยและสุดท้ายตอนนี้เพลงของฟาเรนไฮต์ก็ดาวน์โหลดได้ แล้วซึ่งมันก็ผ่านมาได้ มันไม่ง่ายเลยจริง ๆ คือเข้าใจแล้ว และตอนนี้ก็ผ่านไป 4 ขั้นตอนแล้ว
“ขั้นตอนสุดท้ายเลยที่ต้องทำต่อไปเลยคือต้อง PR ประชาสัมพันธ์”
ซึ่งทรายก็ไม่เคยทำอีก ไม่เคยทำเลย แล้วทรายก็โชคดีอีก ซึ่งก็ได้ทีมน้อง ๆ มาช่วย ซึ่งถ้าไม่ได้ทีมน้อง ๆ มาข่วยเนี่ยทรายพูดเลยค่ะทรายจะไม่มีโอกาสมาเจอ Headbangkok
คือเราไม่รู้เลยคะว่าจะติดต่ออะไรกับใคร คือเพลง “ฉันยังหายใจอยู่” คือมันมีเรื่องราวเยอะมากจริง ๆ ซึ่งทรายก็ได้เข้าไปอยู่ในทุก ๆ ขั้นตอนจริง ๆ มันอาจจะไม่ถึงขนาดทรายไปถ่ายเอง ไปจับกล้องเอง มันไม่ใช่แบบนั้นค่ะ แต่ทรายมีส่วนควบคุมดูแลและจัดการผลิตงานในทุกขั้นตอน เราทำอะไรกันเองจริง ๆ คือเลือกภาพ MV ทำสุดความสามรถ ทำเต็มที่ ทำเต็มกำลังจริง ๆ ค่ะ ทั้งแรงกาย แรงใจ หยาดเหงื่อ หยาดน้ำตาคือมีหมดเลย ตอนนี้คือมันเสร็จแล้ว…..

“มันเหนื่อยมาก คือทรายเข้าใจแล้วคนที่เค้าทำงานเองมันเหนื่อยมันยากแค่ไหน” (น้ำตาคลอระหว่างสัมภาษณ์)
เพราะเมื่อก่อนเรามีค่ายดูแลคอยซัพพอร์ตเราทุกอย่าง แต่มันก็ดีทำให้เราเข้าใจทุกขั้นตอนทุกอย่างเลย หรือแค่เรื่องง่าย ๆ แค่แบกเสื้อผ้ากลับบ้านมาทรายก็ต้องมาเซตใช่ไหมคะ ทรายก็คิดถึงพี่ทีมทำคอสตูมให้ทรายแล้วน้ำตาคลอเลยค่ะ ซึ่งมันแค่เรื่องเสื้อผ้า ดูมันเป็นเรื่องที่ง่ายมากเลยนะ แต่จริง ๆ มันต้องไปหาเสื้อผ้าที่ต้องการอยู่ไหนบ้าง สถานที่ไหนบ้างไปหามาแล้วเอามารวมก็ต้องดูอีกว่าแต่ละคนไซส์เป็นยังไง แบบเข้าใจทีมงานเสื้อผ้าตอนทำงานกับค่ายเลยค่ะ ทรายก็โทรหาเค้าเลย บอกว่าทรายเข้าใจพี่ ๆ แล้ว ยิ่งเรื่องอื่น ๆ ที่มีความซับซ้อนมากกว่าเรื่องเสื้อผ้ายิ่งรู้ซึ้งเลยค่ะ มันสุดยอดมาก ทรายชื่นชมคนที่ทำงานด้วยตัวเองแล้วถ้าผลงานนั้นมันสำเร็จคงจะยิ่งสุดยอด ทำให้เพลง “ฉันยังหายใจอยู่” ยิ่งรู้สึกเลยว่ามันมีความหมายมากกับทราย ซึ่งทรายเชื่อว่ามันมีความหมายกับพี่ ๆ ในวงด้วย
เลือกเพลงบอกเล่าความเป็นฟาเรนไฮต์ได้ถูกจังหวะ
ใช่ ๆ ทรายคิดว่ามันเป็นเหตุผลที่ซ่อนไว้มากกว่าค่ะ ใจจริงเนี่ยที่เลือกเพลงนี่เพราะดนตรีและเนื้อหาฟังแล้วรู้สึกมีพลัง รู้สึกถึงความฮึกเหิม ความรู้สึกถึงความไปต่อ อันนี้คือเหตุผลหลัก แต่คือพอฟังเนื้อปุ๊บ เนื้อเพลงมันมันจะตีความไปแบบนั้นก็ได้ว่าเรายังอยู่เรายังหายใจอยู่นะ เรายังต่อสู้ในแบบของเราอยู่นะ ซึ่งมันเป็นความบังเอิญที่ลงตัว เป็นการให้กำลังใจคนดูด้วยว่าคุณต้องสู้ต่อนะ จงลุกขึ้นและกลับมาฉายแสงอีกครั้ง เพราะเราทุกคนยังหายใจอยู่เราต้องไม่ยอมแพ้ เราต้องไปต่อมันแบบประมาณนี้ค่ะ
เสียงเครื่องเคาะภายในเพลง “ฉันยังหายใจอยู่”
เป็นของเดิมเลยค่ะ คืออันนี้คิดตั้งแต่ 10 ปีที่แล้ว แต่พอมาเปิดตอนนี้ทรายก็ยังรู้สึกว่ามันร่วมสมัยอยู่นะ มันยังมีความโมเดิร์น แล้วสกอตเค้าแต่งเพลงทราย เคยไปดูเค้าก็ทำงานง่ายมากเลย อัดเสียงในห้องธรรมดา ๆ แต่เสียงที่ออกมามันก็ดีมาก ทรายรู้สึกถ้าเพลงนี้เป็นเพลงเปิดตัวของเรา แล้วซาวด์เสียงมันแปลกกว่าฟาเรนไฮต์เมื่อ 10 ปีที่แล้วมันยิ่งดีนะ โลกมันเปลี่ยนไปทุกวันใช่ไหมคะ ถ้าเรายังคงของเดิมไว้ตลอดเวลาบางทีมันอาจจะไม่ดีก็ได้ ส่วนของเพลง “ฉันยังหายใจอยู่” มีการเพิ่มของการเรียบเรียงเพิ่มนะคะ เช่นของลดเสียงเบสลงนิดนึงได้ไหม ท่อนนี้เสียงดังขึ้นได้ไหม ตรงนี้เสียงคอรัสติดเบสไปไหมขอเพิ่มขึ้นได้ไหม มีการเพิ่มเติมในส่วนของการเรียบเรียง ซึ่งพอฟังแล้วดูใหม่ แล้วมันดีขึ้น มันกลมกล่อมมากขึ้น คือครั้งแรกเลยตอนเพลงยังเป็นเดโม มันมีความฮึกเหิม ความเป็นกรูฟก็จริงนะคะ แต่เพลงมันแบนทรายร้องครั้งแรกทรายยังร้องเหมือนสกอตเป๊ะเลย มันก็เลยจะแบนมันก็จะไม่มีฟิวลิง แต่ทรายเอามาปรับเปลี่ยนนิดนึงอย่างเช่นท้อนร้อง A1 เป็นโครงเดิม A2 ขอบิดโนตตัวนี้ขึ้นนิดนึงได้ไหม หรือถ้า B เพิ่มโนตตัวนั้นให้สูงขึ้นได้ไหม เพิ่มฮุคตรงนี้สูงขึ้นอีกนิด คือมันมีการไล่เสียงทำให้มีมิติของเพลงมากขึ้น แต่แบบถ้าเป็นตอนแรกร้องตามสกอตมาเลยมันก็เรียบ ซึ่งรู้สึกดีแล้วที่อัดใหม่ค่ะ
กระแสบตอบรับจากแฟนเพลง
เท่าที่ดูเท่าที่เห็นเค้าก็ชอบกันอยู่นะคะ แต่เพลงนี้ถ้าถามว่าทางวงฟาเรนไฮต์หวังไหมที่แบบมันจะประสบความสำเร็จ ก็ต้องบอกว่าหวังลึก ๆ ละกันค่ะ หวังว่าจะเป็นเพลงที่ทุกคนชอบ หวังว่าฟังแล้วจะรู้สึกฮึกเหิม รู้สึกมีพลัง ฟังแล้วอยากฟังอีก รู้สึกแบบเพลงนี้ทำไมมันช่างมีพลังบวกขนาดนี้ หวังลึก ๆ ว่าจะมีคนชอบเพลงนี้เยอะ ๆ หวังว่าจะให้กำลังใจคนฟังได้ ไม่ว่าจะเจอปัญหาใด ๆ ก็ตาม มันจะไม่ใช่เรื่องความรัก มันไม่ใช่แค่เรื่องการใช้ชีวิตอื่น ๆ ด้วยค่ะหรือแม้กระทั่งเรื่องที่มันซีเรียสมาก ๆ ฉันต้องไปต่อนะ ฉันต้องทำต่อ ฉันยังหายใจอยู่ ถ้าเรานั่งหายใจอยู่ทุกอย่างเป็นไปได้เสมอไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตามแค่เราไม่ยอมแพ้และเราต้องสู้กับมัน หวังว่าเพลงนี้ทุกคนจะชอบนะคะ
จุดเริ่มต้นกับวงฟาเรนไฮต์
กดดันมากเล่าย้อนไป 15ปีที่แล้ว พี่ใหญ่ก็คืออดีตวง LOSO มีพี่พิเชษฐ์ วง YNOT7 ต้องการจะทำวงดนตรีวงใหม่ ต้องการหานักร้องเป็นผู้หญิง พี่ใหญ่เลยไปชวนพี่รัตน์ มือเบส LOSO มาร่วมงาน หลังจากนั้นก็เลยทำการออดิชั่น ทรายรู้ข่าวเรื่องนี้จากเพื่อนและรุ่นพี่ทรายคนหนึ่ง เค้าบอกมาว่าเนี่ยจะมีวงของใหญ่ที่เคยอยู่โลโซมาก่อน เค้าหานักร้องผู้หญิงอยู่ ทรายไปลองไปออดิชั่นกับเค้าไหม ทรายก็ลองดู ไม่ได้หวังนะว่เราจะได้ เราก็อยากรู้ว่าเค้าจะให้ทำอะไรบ้าง ก็สรุปเราก็ไปร้องออดิชั่น 3 เพลง เป็นเพลงฝรั่ง ไปออดิชั่นที่ห้องแถวลาดพร้าว 71 ตอนนั้นทรายอายุ 22 เด็กมาก สรุปว่าเราออดิชั่นผ่านก็ดีใจมาก ตอนนั้นมีคนมาออดิชั่นน่าจะ 10 คน ไม่แน่ใจ เพราะมันก็นานมากจริง ๆ สุดท้ายได้มาเป็นทราย ทรายก็ตกใจเหมือนกัน คือมันก็ดีใจด้วย ตกใจด้วยว่าเป็นเราหรอ ประกาศผลโดยการโทรมา เพราะตอนนั้นยังไม่มีโซเชี่ยล มีเดีย เราก็คิดว่ามันจริงหรือเปล่า แต่ว่ามันมีความกดดันอยู่เยอะมากเพราะว่าทุกคนที่อยู่ในวงเค้าเป็นตำนานของเมืองไทยเหมือนกันนะ แล้วเรายังเด็กอายุ 22 พึ่งจะเรียนจบ แล้วไปอยู่ในวงที่ทุกคนเป็นตำนานหมดเลย เราจะทำยังไงฝีมือเราจะพัฒนาไปได้เท่าทันพวกเค้าในระยะเวลาอันสั้น รวมถึงเรื่องการ Performance จะต้องเอาวงให้อยู่ก็แบบลองผิดลองถูกมาเรื่อย ๆ บางทีก็ร้องผิดบ้าง ก็มีพูดผิดก็มี มันเป็นประสบการณ์ช่วงแรกที่ได้เนาะแต่ก็สนุก พี่ ๆ ในวงส่วนใหญ่เค้าจะให้ทรายเรียนรู้ด้วยตัวเองแล้วก็เหมือนแบบสมมุติไปออกคอนเสิร์ต ก็จะคุยกันว่าเมื่อวานมีอะไรผิดพลาด เราเก็บแล้วเก็บในหัว เราก็จะคุยกันในวงตอนนั่งรถตู้แบบทรายควรจะทำยังไงดี เออพี่ว่าทรายแค่นี้ก็พอ ถ้าแบบทรายพูดมากเกิน เออทรายพูดน้อยเกินไปนะพี่ว่า มันเป็นการคุยกันมากว่า ตรงนี้ทรายร้องเพี้ยนนะเราก็ค่อย ๆ ไปแก้ทีละนิด
ความรู้สึกตอนที่ได้เป็นศิลปินเต็มตัว
ความรู้สึกแรกที่ได้เป็นศิลปินเราก็รู้สึกว่านี่เราได้เป็นศิลปินแล้วหรอ ดีใจไหมมันก็ไม่ใช่อย่างนั้น มันเป็นความรู้สึกที่เราเป็นนักร้องแล้วจริงหรอ ถ้าเป็นสมัยก่อนแบบเราได้ออกเทปแล้วหรอ มันเป็นฟิวนี้มากกว่า แต่ถ้ามาดีใจไหมมันไม่ใช่อารมณ์นั้นมันเป็นแบบ งง มากกว่าค่ะ ฮ่า ๆๆ
ผลงานการร้องเพลงก่อนจะมาเป็นฟาเรนไฮต์
จริง ๆ ทรายเคยมีประสบการณ์ร้องเพลงที่ TU Band ร้องเพลงที่มหาวิทยาลัย หรือแบบประถมกับมัธยมทรายก็เคยร้องเพลงกับเพื่อน ๆ เป็นโฟล์กซองกับเพื่อน ๆ สนุก ๆ แต่ไม่เคยคิดว่าถึงการร้องเพลงจะเป็นอาชีพไม่เคยนะคะ แต่เหมือนจังหวะชีวิตมันพามาจริงๆ อ๋อ แล้วก็มีเหตุการนี้ก็ทำในวงปวดหัวเลยค่ะ ในช่วงก่อนที่ทรายจะอยู่ในวงฟาเรนไฮต์ ก่อนที่ทรายจะไปออดิชั่นด้วยซ้ำ ทรายเคยไปอัดเสียงเอาไว้ชื่อเพลง “ไม่มีสิ่งไหน” คือคนที่เค้าทำเพลง อัลบั้มนี้ทำไว้ 10 เพลง และ “ไม่มีสิ่งไหน” ก็เป็นหนึ่งในนั้นของ Ztudio Tomo
“ไม่มีสิ่งไหน” จุดเริ่มต้นที่ทำให้ทุกคนรู้จักเสียงร้องของทราย ฟาเรนไฮต์
คนที่เป็นโปรดิวเซอร์เพลงนี้เค้ารู้จักกับทราย เค้าเลยเรียกทรายไปอักร้อง แต่ตอนนั้นทรายก็เป็นพนักงานฝึกงานอยู่ที่แกรมมี่ ฝึกงานทำนู่นทำนี่ แต่เค้ารู้ว่าทรายร้องเพลงได้ เค้าเลยบอกว่าทรายไปอัดเสียงกันไหม มันมีเพลงแบบนี้ ก็เลยบอกพี่เค้าได้พี่เอาดิ ก็เลยไปกับเค้าทรายไม่รู้ว่าอัดมาแล้วจะเอาเพลงนี้มาออนแอร์แบบทั่วประเทศ ทรายไม่รู้จริงหรือเค้าอาจจะบอกทรายแล้วก็ได้นะ แต่ทรายลืม แต่คือทรายจำไม่ได้จริง ๆ คือทรายแค่รู้ว่าทรายมาอัดเพลงนี้อัดเสร็จชั่วโมงนึง แก้อะไรนิด ๆ หน่อย ๆ ไม่ได้แก้อะไรเยอะ หลังจากวันนั้น 1 ปีผ่านไป ทรายได้ยินเพลงนี้ในวิทยุ เห้ยนี้มันเพลงที่เราร้องไว้ มันเปิดในวิทยุได้ยังไง ตอนแรกก็ดีใจ แต่แบบเอ๊ะ! เรากำลังจะโปรโมตฟาเรนไฮต์หนิยังไงดี จำได้ตอนนั้นทรายนั่งแท็กซี่อยู่กำลังจะไปทำธุระที่ไหนไม่รู้ แล้วเพลงมันเปิดขึ้นมาทรายก็แบบเห้ย!เสียงเราเสียงเรา! บอกพี่แท็กซี่ด้วย พี่เนี่ย ๆ เสียงหนูเอง พี่เชื่อไหมพี่เค้าก็ทำหน้างง ๆ ไม่ตอบอะไร เหมือนพี่เค้าก็ไม่ค่อยเชื่อ ฮ่า ๆๆๆ และหลังจากนั้นเพลงนี้ก็ถูกเปิดมาเรื่อย ๆ ทรายได้ข่าวว่าดีเจก็ชอบเพลงนี้ คนฟังก็ชอบเพลงนี้ และมันเหมือนเป็นการติดกระแสแบบปากต่อปากทั้งที่ไม่ได้โปรโมตอะไรเลย ทรายก็แบบดีใจนะแต่เรากำลังจะอยู่ฟาเรนไฮต์นะเราต้องทำไง ทรายเลยไปบอกพี่ใหญ่ว่าทรายไปอัดเพลงไว้เพลงนึงอนที่ทรายจะมาทำวงฟาเรนไฮต์กับพี่ ชื่อเพลง “ไม่มีสิ่งไหน” ทรายก็ร้องให้เค้าฟัง พี่ใหญ่ก็เอ้าเพลงนี้มันดังนะเนี่ยทรายไปร้องหรอ ซึ่งทรายไม่รู้ว่าเค้าจะเอามาออนแอร์ทำยังไงดี ตอนนั้นทรายอยู่กับมอร์มิวสิก ตอนนั้นพี่ป้อมก็แบบเครียดเพราะเค้ากำลังจะโปรโมตฟาเรนไฮต์ซิงเกิ้ลแรก “ขาด ๆ เกิน ๆ” ซิงเกิ้ลที่ 2 “เงียบทำไม” แล้วจู่ ๆ มีเพลงนี้ดังขึ้นมาโดยที่ไม่ต้องโปรโมตอะไรเลย ทรายก็โอ้ยตายแล้ววทำไงดี แล้วเวลาไปเล่นคอนเสิร์ตคนฟังคนจะขอมาตลอด แต่เราอะเราจะบอกคนดูทุกคนว่าเราร้องเพลงนี้ไม่ได้ เเราก็หาเหตุผลไปให้เค้าไป แต่หลังจากนั้นไม่นานนับตั้งแต่ตอนนี้ย้อนหลังไปสัก 5 ปีร้องทุกงานเลย คนขอไม่ขอก็ร้องทุกงาน แล้วร้องเพลง “ไม่มีสิ่งไหน” คนเค้าชอบด้วยนะเรารู้สึกว่าคนเค้าชอบและจำเพลงนี้ได้แล้วทรายก็ว้าว ถามว่าเพลงของฟาเรนไฮต์คนชอบไหม คนก็ชอบค่ะ แต่เพลงนี้คนดูเค้ายังรู้สึกดีมากที่เค้าฟังจากเรา ล่าสุดไปออกเพจ Rock Star Cafe ของพี่ปู Blackhead ก็ร้องอีก แต่ยอมรับว่าช่วงแรกไม่กลัาเลยค่ะ
การรับมือกับชื่อเสียง
เชื่อไหมทรายไม่เคยคิดว่าทรายดังเลย คือทรายไม่ได้พูดให้มันดูดีหรืออะไรนะคะ ทรายไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองเป็นศิลปินเบอร์ใหญ่เลย อาจจะเป็นเพราะว่าเราอยู่แกรมมี่และมีศิลปินที่ดังกว่าเราเป็นศิลปินเบอร์ใหญ่กว่าเรา ทรายเลยมองว่าฟาเรนไฮต์เป็นวงกลาง ๆ เล็ก ๆ สบาย ๆดูมีความนอกคอกมากว่าศิลปินอื่น ๆ ในแกรมมี่ด้วยซ้ำ อันนี้คือความคิดเห็นส่วนตัวทรายนะคะ ทรายมีความรู้สึกว่าทรายไม่ดังหรอก แต่เราก็มีการรับมืออยู่ เวลามีคนจะเข้าหาเรา มีคนชื่นชอบเรา เหมือนกับว่าอยากจะถ่ายรูป อยากจะโน่นนี่นั่นทรายก็ทำตามหน้าที่ไปให้ดีที่สุดแต่ก็แค่ทรายจะชอบแบบแฟนเพลงที่สุภาพ ทั้งผู้หญิงและผู้ชายนะคะ ถึงแม้จะเป็นเด็กเปรี้ยว เด็กซ่า แต่เค้าสุภาพ แบบพี่ทรายคะ หนูขอถ่ายรูปกับพี่ได้ไหม เราจะแบบได้ ๆ ค่ะ แต่ถ้ามาในอีกรูปแบบนึงเนี่ย เราก็จะยังไงดีนะ มันจะไม่ค่อยน่ารักเท่าไหร่ แต่ทรายก็พยายามเทำให้มันราบรื่นที่สุด คนที่มีความน่ารักน้อยลงทรายก็สามารถถ่ายรูปกับเค้าได้นะ คือเราก็จะมีวิธีอยู่ว่าเราจะจัดการกับคนที่มีลักษณะแบบนี้ยังไงที่จะไม่ให้เค้ารู้สึกแย่ด้วย มันก็เป็นประสบการณ์ที่เราต้องค่อย ๆ เรียนรู้เหมือนกันนะคะ
ประสบการณ์ที่ทัวร์หนักที่สุด
เท่าที่จำได้ที่เล่นกับฟาเรนไฮต์ที่ไม่ได้กลับบ้านเลยคือ 7 วัน ทรายร้องเพลงทุกวัน ซึ่งทรายก็ป่วยเลย 7 วันคือนานสุดแล้ว แต่ถ้าเป็นจำนวนงานใน 1 เดือน ถ้ามากสุดนะเท่าที่จำได้คือ 14 งาน จะประมาณนี้ จะไม่ใช่แบบมีงานทุกวัน เพราะทรายก็ขอพี่ ๆ ไว้ว่าทรายขอ 3-4 วันได้ไหม แล้วพักก่อนแล้วค่อยรับใหม่ก็ได้ ให้ทรายได้พักและทุกคนได้พักด้วยเพราะเสียงทรายมันเจ็บคอจริง ๆ นะ แล้วเวลาอดนอน นอนผิดเวลาร่างกายมันอ่อนแอเลยนะ ทรายรู้สึกเลยนะแล้วพอคืนแรกผ่านไป คืน 2 เอาละ คืน 3 คืน 4 คืน 5 นี่คือไม่ไหวแล้ว แต่ก็ต้องไปค่ะ ก็ต้องร้อง ทรายก็เลยขอพี่เค้า เรายอมรับเลยค่ะ ยิ่งเราอายุมากขึ้นเราไม่ได้แข็งแรงเหมือนตอนที่เราวัยรุ่นแล้ว ยิ่งถ้ามันมีงานที่ค่อนข้างเยอะ เรายิ่งต้องรักษาตัวเองรักษาสุขภาพ ไม่พอต้องรักษาเสียงด้วย เพราะเราต้องใช้ทุกวัน
“วิธีการรักษาเสียงของทราย“
คือการนอนให้เยอะ เลี่ยงน้ำเย็น ดื่มน้ำอุณหภูมิห้อง งดของทอดที่ชอบกินมาก ๆ ต้องลดบ้างเพราะมันทำให้เราคันคอ จริง ๆ ถามว่าทานไหมก็ทานนะคะ แต่ก่อนโชว์จะไม่ทานเลยค่ะ แต่ที่สำคัญของทรายคือเวลานอน ถ้านอนผิดเวลาคือไปเลย แค่นั้นจริงๆ ถ้าอยากให้การร้องออกมาดี โชว์ออกมาดีคือกินเป็นเวลานอนเป็นเวลา ได้ออกกำลังได้วิ่งแค่นี้จบเลยไม่มีอย่างอื่นที่พิเศษเลยเรียบง่ายมาก แต่ทำ 3 อย่างนี่ให้ได้แล้วจะโชว์ได้ตลอด ยิ่งตอนไหนนะที่ทรายวิ่งเยอะ ๆ ทรายจะฟิตมาก ตอนเล่นคอนเสิร์ตพลังมันมาเยอะมาก เสียงดี ถ้าได้นอนเต็มที่ไม่กลัวอะไรเลยค่ะ อันนี้สำคัญจริง ๆ แค่ 3 อย่างนี้ก็สำคัญแต่ว่ามันเรียบง่ายมันสำคัญเราต้องฝืนใจตัวเองทรายเชื่อคะว่าเราทำกันได้อยู่แล้ว
ซิงเกิ้ลต่อไปของวงฟาเรนไฮต์
ซิงเกิ้ลใหม่มีนะคะ แต่อาจจะต้องรอกันอีกสักพัก เพราะตอนนี่เราอยากให้ซิงเกิ้ลแรก “ฉันยังหายใจอยู่” ได้ทำงานก่อน ให้มันได้สู่คนฟัง ให้มันได้กระจายออกไปกว่านี้อีกสักนิดนึงแล้วเพลงต่อไปจะค่อย ๆ ตามมา แต่มันคงจะไม่นานเหมือนเพลงแรกแล้ว เพราะเหมือนเราได้เปิดหัวมาแล้วว่าเรากลับมาแล้วนะ แล้วมันจะค่อย ๆ มา อย่างที่บอกพวกเราไม่ได้มีค่ายกันใช่ไหมคะ มันก็อาจจะต้องใช้เวลาบ้างแต่ทรายเชื่อว่ามันจะไม่นานเหมือนเพลงแรกแล้วค่ะ
วงเมทัลวงโปรด
ทรายชอบวง System of a Down กับ Rage Against The Machine ค่ะ
พูดถึง HEADBANGKOK
วันนี้ทรายดีใจมากที่ได้มาสัมภาษณ์กับ Headbangkok ดีใจมากจริง ๆ ขอให้ Headbangkok มีคอนเทนต์ที่น่าสนใจที่ มีสีสันเป็นแหล่งความรู้ที่ดีงามของคนในยุคนี้ของคนที่เสพดนตรีหรือไม่เสพดนตรีก็ตาม เป็นคอนเทนต์ที่มีแต่เรื่องที่น่าอ่าน มีแต่เรื่องที่แบบอ่านแล้วรู้สึกดีค่ะ
ฝากผลงานและช่องทางการติดตาม
สำหรับเพลง “ฉันยังหายใจอยู่” เป็นซิงเกิ้ลใหม่ล่าสุดในรอบ 12 ปีของวงฟาเรนไฮต์ อยากฝากผลงานนี้อยากให้ทุกคนได้ลองฟังดูนะคะ ต้องบอกว่าฟาเรนไฮต์อยากขอบคุณแฟนเพลงเก่า ๆ ที่ยังรัก ที่ยังรอเรา ต้องขอบคุณมาก ๆ เลย เพราะสุดท้ายตอนนี้เราออกซิงเกิ้ลมาแล้ว มันจะดีมากเลยค่ะถ้าได้มีแฟนเพลงรุ่นใหม่ ๆ ได้ลองเปิดฟังเพลงนี้ และได้ชอบเพลงนี้ถ้าเป็นไปได้นะคะ ฟาเรนไฮต์อยากจะมีแฟนเพลงที่เป็นรุ่นเด็กลงมาแบบอายุ 20-21 ให้มันดูเด็กลงอีกนิดนึง แฟนเพลงรุ่นเดิมเนี่ยก็คือดีเจ๋งอยู่แล้วค่ะ แต่คือถ้าได้แฟนเพลงที่เป็นรุ่นใหม่มาเสริมอีกมันคงจะดีมาก ๆ ขอบคุณแฟนเพลงมากๆที่ยังรักเรา ส่วนช่องทางการติดตามของฟาเรนไฮต์นะคะ มี Facebook : Fahrenheitbandth และ YouTube : FAHRENHEITROCKth ติดต่อโชว์ได้ที่ 096-3944926 (คุณชำนาญ) ส่วนสตรีมมิ่งฟังได้ที่ Joox แต่จะดีใจมาก ๆ ถ้าดาวน์โหลดกันเลยทาง iTune, Apple Music, Spotify และ *492 222 936 ขอบคุณมาก ๆ เลยค่ะ
ทาง Headbangkok ต้องขอขอบพระคุณพี่ทราย และทีมงานทุกท่าน สำหรับการสัมภาษณ์ในครั้งนี้ ขอบคุณร้าน Porcupine Cafe ซอยอารีย์ สำหรับสถานที่ และขอบคุณรูปภาพสวย ๆ จากเพจวงฟาเรนไฮต์ด้วยครับ


Owner, Co-Founder and Writer of Headbangkok
Vocalist : Tragedy of Murder