และก็เสร็จสิ้นกันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วนะครับ สำหรับการมาเปิดคอนเสิร์ตครั้งที่สามของวง Suicide Silence วงเดธคอร์หัวแถวของวงการเพลงเมทัลจากรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา ซึ่งในครั้งนี้เอ็ดดี้ เฮอร์มิด้าและคณะก็ยังคงประเคนความมันกันให้กับเหล่าขาโหดชาวไทยได้มันสะใจแบบปรอทแตกกันเช่นเคย เผลอ ๆ จะมันกว่าครั้งที่แล้วซะด้วย

ความพิเศษอีกอย่างก็คือในการมาเยือนกรุงเทพฯ ครั้งนี้พวกเรา HEADBANGKOK มีโอกาสได้เข้าไปสัมภาษณ์พวกเขาทั้งห้ากันก่อนที่จะเริ่มโชว์ด้วยเกี่ยวกับหลาย ๆ เรื่องทั้งชีวิตส่วนตัว แนวคิด ผลงานที่จะออกในอนาคต รวมไปถึงคำแนะนำต่อศิลปินรุ่นใหม่ที่กำลังเดินตามรอย เอาเป็นว่าเราไปพูดคุยกับพวกเขากันเลยดีกว่าครับ!

HEADBANGKOK: สวัสดีทุกคน พวกเรามาจาก HEADBANGKOK สื่อดนตรีท้องถิ่นของไทยนะ ยินดีต้อนรับอีกครั้งจ้า กลับมาเยือนกรุงเทพฯ กันครั้งที่สามแล้ว ตอนนี้รู้สึกยังไงกันบ้าง

Mark Heylmun: ตื่นเต้นครับ ใช่ ตื่นเต้น ประเทศไทยเป็นสถานที่โปรดของพวกเราตั้งแต่ครั้งแรกที่มาเล่นแล้ว ตั้งแต่ตอนนั้นมาพวกเราก็ตั้งตารอที่จะกลับมาเล่นที่นี่กันตลอด

HBK: ได้ยินมาว่าพวกคุณทำงานอัลบั้มใหม่กับโปรดิวเซอร์ รอส โรบินสัน มันต่างกับการทำงานอัลบั้มอื่น ๆ มั้ย

Eddie Hermida: พวกเราเคยทำงานกับโปรดิวเซอร์มาก็หลายคนนะครับ แต่กับรอสมันก็ต่างออกไปเหมือนกัน เขามีผลงานอัลบั้มยอดเยี่ยมระดับตำนานเพียบเลย สำหรับพวกเรามันเป็นข้อตกลงที่ใหญ่มากพอตัว พวกเราเป็นแฟนที่ติดตามผลงานของเขามานาน ซึ่ง มันก็ทำให้รู้สึกเป็นอะไรที่ทั้งใหม่และไม่ใหม่ในเวลาเดียวกัน

[รอส โรบินสัน เป็นโปรดิวเซอร์รุ่นเก๋าที่อยู่เบื้องหลังผลงานดัง ๆ ของวงดนตรีสายร็อกและเมทัลหลายวง ทั้ง Korn, Deftones, Soulfly, Slipknot, Glassjaw, Fear Factory และอื่น ๆ อีกมากมายครับ – ผู้เขียน]

HBK: แล้วเราจะคาดหวังอะไรกับอัลบั้มใหม่ชุดนี้ได้บ้าง

Mark: คาดหวังสิ่งที่คุณคาดไม่ถึง นั่นแหละอัลบั้มนี้ล่ะ
Eddie: ผมบอกได้เลยพอคุณได้ฟังมันนะ ผมของคุณจะติดไฟขึ้นมาเลย คุณจะเลือดออกหู ตาของคุณจะหลุดออกจากเบ้า สมองของคุณก็จะเดือดจนหลอมละลายเหมือนเข้าไมโครเวฟไปเลยแหละ

HBK: แล้วการที่พวกคุณยืนอยู่บนจุดสูงสุดของดนตรีแนวเดธคอร์ แถมอัลบั้มล่าสุดอย่าง You Can’t Stop Me ก็ไปได้สวยซะขนาดนี้ มันทำให้การทำงานอัลบั้มใหม่กดดันขึ้นมากมั้ย?

Eddie: คือ มันก็มีงานต้องทำกันหนักนะครับ แต่ผมไม่คิดว่ามันยากขึ้นนะ ผมคิดว่ามันง่ายกว่าด้วยในการที่จะก้าวขึ้นมาให้เหนือกว่าอัลบั้มก่อนหน้านี้
Alex Lopez: มันง่ายเหมือนอัลบั้มก่อนหน้าที่พวกเราทำกันมาแหละครับ เพราะเราในจุดที่ไม่ได้ต้องทำให้คนอื่นพอใจแล้ว แค่ทำเพลงเพื่อพวกเราเองเพียงอย่างเดียว และพวกเราก็ได้ทำงานร่วมกับรอส ซึ่งเป็นทั้งแรงบันดาลใจและไอดอลของเราด้วย และตอนนี้พวกเราก็เป็นเหมือนกับ… เอ่อ… เรียกว่าอะไรนะ พวกเราเป็นเหมือนอัศวินเจไดของเขาน่ะครับ

HBK: การที่คุณต้องเล่นเพลงเสียงดังโวยวายกันตลอดเวลานี่มันกระทบต่อสุขภาพบ้างมั้ย ต้องอยู่กับอะไรแบบนี้ทุก ๆ คืน

Mark: ห๊ะ อะไรนะครับ ผมไม่ได้ยินคุณแล้ว [หัวเราะ]
Alex: ครับ การเล่นดนตรีเฮฟวี่เมทัลมันก็เหมือนกับการเล่นฟุตบอลนั่นแหละ คุณทำตัวเองเจ็บตัวทุกวัน แต่พวกเราก็ไม่หยุดหรอกครับเพราะว่ามันได้เงิน [หัวเราะกันอีกยก]
Mark: ภายนอกพวกเราดูน่าดึงดูดและก็เหมือนยังหนุ่มยังแน่น แต่ความจริงแล้วข้างในพวกเราก็แก่กันแล้วครับ ก็แย่อยู่นะ

HBK: ถ้าให้เปรียบ Suicide Silence เป็นแค่ขอนไม้ เอ๊ย เป็นรถยนต์ซักรุ่น จะให้เป็นรถรุ่นอะไรกัน

Eddie: รถ Porsche 911 Turbo … นี่แหละคือสิ่งที่พวกเราเป็น [พูดจบร้อง ง่อวววว กันทั้งวง] แต่ความจริงผมว่าเป็นรถมอเตอร์ไซค์ Suzuki Hayabusa ตัว 1,300 CC ก็เหมาะอยู่เหมือนกันนะครับ

HBK: แล้วตอนที่ไม่ได้ฟังเพลงเมทัล พวกคุณฟังเพลงอะไรกัน?

Eddie: สำหรับผมก็เป็นพวกร็อกแอนด์โรลเก่า ๆ บ้าง พังก์ร็อกบ้างครับ ผมชอบพวกเพลงแจ๊สแล้วก็พวกแนว Avant-garde ด้วย แต่อย่าง Dan นี่วัน ๆ ฟังแต่เมทัลครับ
Dan Kenny: ฮ่า ผมฟังเพลงเมทัลเยอะครับ แต่ก็ชอบพวกแก๊งสตาแร็ปอะไรพวกนั้นด้วยครับ
Eddie: พวกเราฟังเพลงกันหลากแนวครับ และผมคิดว่านั่นเป็นส่วนที่ดีมากสำหรับวงเรานะ พวกเราฟังเพลงร็อกแอนด์โรล, พังก์ร็อก, เมทัล, แจ๊ส, ฮิพฮอพ พวกเราทุกคนชอบมันหมดเลย แต่ก็จะมีรายละเอียดในความชอบที่แตกต่างกันออกไปบ้างครับ

HBK: จะทำยังไงถ้าเจอจัสติน บีเบอร์ใส่เสื้อวงคุณอยู่

Eddie: ผมคงเข้าไปไฮไฟฟ์มั้ง ผมชอบจัสติน บีเบอร์นะ เพราะงั้นผมคิดว่ามันก็เจ๋งดีถ้าเป็นงั้น ผมคิดว่าวงการดนตรีต้องการอะไรแบบนี้แหละ เราต้องการการสับสนุนจากทุก ๆ คนครับ

HBK: สุดท้ายแล้ว อยากให้พวกคุณแนะนำอะไรศิลปินรุ่นใหม่ที่กำลังเดินทางรอยบนถนนดนตรีกันหน่อยได้ไหม

Eddie: ที่ผมจะบอกพวกคุณได้ก็คือ อย่าหยุด ถ้าคุณเชื่อมั่นในสิ่งที่ทำอยู่ ก็ทำมันต่อไปเถอะ
Alex: เชื่อหัวใจของคุณ ถ้าอยากเล่นกีตาร์ก็หยิบกีตาร์ขึ้นมาเล่นเลย แต่ก็ฝึกเล่นเปียโนและก็เรียนรู้ให้ชัดด้วยว่าดนตรีน่ะมันคืออะไร ดูตัวอย่างไว้เยอะ ๆ อย่าไปสร้างศัตรูมากนัก พยายามทำให้ดีที่สุด แล้วก็ต้องรู้จักประมาณตนด้วย
Mark: และก็ต้องรักมันด้วย
Alex: ใช่ ต้องรักมันให้มาก ๆ เลยด้วย
Dan: ฝึกให้หนัก
Alex: และก็ไม่ต้องพยายามเป็นผู้เล่นดนตรีที่ดีที่สุด แค่เป็นตัวคุณให้ดีที่สุดก็พอ

HBK: ได้อะไรเยอะเลยวันนี้ ขอบคุณมาก แล้วพบกันใหม่จ้า!

Suicide Silence: ได้จ้า [วงไม่ได้กล่าว พวกเราพิมพ์เองนี่แหละ :P]

หลังจากพูดคุยกันในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ จบ พวกเขาและเราก็จับมือกันก่อนจะแยกย้ายไปทำหน้าที่ของตนเอง ฝ่ายหนึ่งเป็นคนดู ฝ่ายหนึ่งเป็นคนเล่น ซึ่งสำหรับฝ่ายคนดูอย่างพวกเราแล้วก็ต้องบอกว่า Suicide Silence ทำได้ดีสมกับมาตรฐานการเป็นวงดนตรีระดับหัวแถวของแนวเดธคอร์อย่างแท้จริงครับ

ส่วนตัวแล้วรู้สึกว่าพวกเขาในวงเป็นคนที่ Nice มากประมาณนึงเมื่อได้พูดคุยกัน ผิดกับลุคและสีหน้าท่าทางที่ดูอารมณ์บ่จอยตอนก่อนเริ่มสัมภาษณ์มาก ๆ ซึ่งสาเหตุก็น่าจะเกิดจากความเหนื่อยล้าในการเดินทางเพราะเพิ่งลงเครื่องกันตอนกลางวัน และก็ต้องมาแสดงโชว์ในตอนกลางคืนกันต่อทันทีแบบไม่ได้พักผ่อนกันอย่างเต็มที่ แต่ทางวงก็ยังสละเวลามาพูดคุยกับพวกเราด้วย ก็ต้องขอขอบคุณทั้งห้าสมาชิกจากวง Suicide Silence และ Zeus Entertainment Thailand ผู้จัดงานที่ประสานงานและอำนวยความสะดวกให้พวกเราได้เข้าไปพูดคุยกับวงดนตรีขาโหดแห่งยุคสมัยวงนี้ครับ!

ดูจากผลตอบรับที่ดีตลอดตั้งแต่ตอนมาเยือนไทยครั้งแรกสมัยที่มิตช์ ลักเกอร์ยังไม่เสียชีวิต จนมาถึงครั้งล่าสุด สิ่งที่พวกเราสามารถยืนยันกับคุณผู้อ่านได้ก็คือ หากวงยังไม่มีเหตุอะไรให้ต้องยุบลงไปกันในระยะเวลาอันใกล้นี้ พวกเราได้ดูคอนเสิร์ต Live in Bangkok ของพวกเขากันครั้งที่สี่-ห้า-หกตามมากันเรื่อย ๆ แน่นอนครับ

ขอลากันไปด้วยภาพถ่ายหมู่ของพวกเรากับ Suicide Silence ครับผม!

suicide-silence-headbangkok

(จากซ้ายไปขวา: Mark Heylmun มือกีตาร์, Alex Lopez มือกลอง, Charlie ทีมงาน HBK, Eddie Hermida, นักร้องนำ, Risa ทีมงาน HBK, Dan Kenny มือเบส, Jeddy Tragedy ทีมงาน HBK, Chris Garza มือกีตาร์)

สัมภาษณ์: Risa
เรียบเรียง: Charlie