ถ้าเกี่ยวกับการเริ่มอะไรใหม่ ๆ ขออนุญาตเปิดโพสท์ของตัวเอง กับการเริ่มโปรเจ็คท์งานใหม่ของ Spencer Chamberlain อดีตนักร้องนำวงคริสเตียนเมทัล-โพสท์ฮาร์คอร์ชื่อกระฉ่อนโลกนาม UnderOath ที่ได้ยุบวงไปแล้ว โดยกลับมาครั้งนี้เขานำเสนองานใหม่ในแบบที่ตัวเขาเองอยากทำ โดยได้รับความช่วยเหลือจากเพื่อนเก่า Stephen Bowman ที่เป็นทั้งที่ปรึกษาเวลาเกิดปัญหาจากทางวงและเรื่องต่าง ๆ และเป็นทั้งเพื่อนที่ชอบทำเพลงด้วยกันในแบบโฮมสตูดิโอกันมานานแล้ว จึงเกิดเป็นวงใหม่ที่มีสมาชิกอย่างเป็นทางการเพียงสองคน ภายใต้ชื่อที่มีความหมายในทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับการนอนหลับของคน “Sleepwave”
ในทางวิทยาศาสตร์ การนอนหลับของคนจะแบ่งออกเป็นหลายช่วง ช่วงหลับตื้น หลับลึก และในระหว่างที่เรานอนหลับ สมองจะปล่อยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าออกมาโดยมีความถี่แตกต่างกันไปตามระดับของการหลับ (ท่านผู้อ่านที่สนใจ สามารถค้นคว้าข้อมูลเพิ่มเติมได้โดยเซิร์ชคำว่า การนอนหลับแบบ REM หรือ REM sleeping เป็นต้น) ซึ่งเจ้าตัวพูดถึงชื่อนี้ว่า ความหมายของ “Sleepwave” ก็คือช่วงเวลาที่สมองนั้นได้พักผ่อนโดยสมบูรณ์แบบที่สุด ตนจึงเลือกมาใช้ จากรายชื่อวงที่ที่ปรึกษาด้านกฏหมายของเขาได้หามาให้นับร้อยชื่อ และการตั้งชื่อวงเนี่ยล่ะครับ คือขั้นตอนที่ยากที่สุดในการทำวง ยากยิ่งกว่าการทำเพลงเสียอีก นักร้องหนุ่มได้กล่าวไว้
จากบทสัมภาษณ์ที่ผมอ่านมาทั้งหมด (เนื้อหาบทสัมภาษณ์โดย altpress.com) ทำให้ได้รู้ว่าบางทีการที่วงโพสท์ฮาร์ดคอร์ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในโลกวงนึงต้องยุติบทบาทตัวเองไป อาจจะมาจากการอิ่มตัวของไอเดีย ความเบื่อของสมาชิกวงเองนั่นแหละ ที่ทำให้ทุกอย่างต้องหยุด ใจความนึงในบทสัมภาษณ์ อดีตนักร้องนำของวงบอกว่า แทนที่เขาจะขับรถไปดูวง Converge (แมทคอร์ที่มีซาวด์รก ๆ แบบฮาร์ดคอร์ซึ่งบ้าระห่ำมาก ๆ) ซึ่งใช้เวลาแค่สิบห้านาทีก็ถึง แต่เขากลับขับรถหกชั่วโมงเพื่อจะไปดูคอนเสิร์ตของวง Alice in Chains (วงรุ่นเก๋าที่ซาวด์ออกไปทางเฮฟวี่ ทางกรันจ์อะไรแบบนั้น) กล่าวคือ พอผ่านไปช่วงเวลาหนึ่งของชีวิต เขากลับคิดถึงซาวด์ดนตรีแบบยุคก่อนมากกว่า ถึงแม้จะชอบฟังดนตรีใหม่ ๆ ชอบทำเพลงใช้ซาวด์ใหม่ ๆ ล้ำ ๆ แต่สุดท้าย เพลงที่ยังฟังได้ไม่เบื่อก็คือเพลงของยุคก่อน
อีกเรื่องนึงที่แอบดราม่าเบา ๆ เท่าที่อ่านมา นักร้องหนุ่มบอกว่า เหตุผลส่วนหนึ่งที่ทำให้เขามาทำงานแบบลุยเดี่ยว ไม่อยากทำเป็นวงอีกก็เพราะว่า เขากลัวการต้องมาเห็นเพื่อนในวงต้องลาออกไปอีก และถึงแม้จะยังมีการทำเพลงต่อ แต่ทุกคนก็รู้ดีว่ามันจะไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว เขารู้สึกไม่ดีกับเรื่องนี้ จึงตัดสินใจทำกับเพื่อนสนิทคนนี้แค่สองคน แล้วจ้างนักดนตรีมาไว้เล่นแบ็คอัพตอนเล่นสดแค่นั้นก็พอ (นักดนตรีที่มาเล่นแบ็คอัพให้ก็มีชื่อคุ้น ๆ กันในวงการอยู่บ้าง เช่น Chris Kamrada มือกลองจาก There for Tomorrow หรือ Jack Burns มือกีตาร์จาก Oceana)
ในส่วนของภาคดนตรี จากซิงเกิลที่ทางวงปล่อยออกมาให้ดาวน์โหลดกันฟรี ๆ (ช่องทางการดาวน์โหลด sleepwavemusic.com) กับเพลงที่มีชื่อแอบประชดประชันเบา ๆ ว่า “Rock and Roll is Dead, and So am I” หลังจากได้ฟังครั้งแรก ทำให้ย้อนกลับไปคิดถึงซาวด์ประมาณ From First to Last โพสท์ฮาร์ดคอร์ยุคต้น ๆ หรือริฟฟ์กีตาร์เก๋า ๆ แบบวงโพสท์กรันจ์ในช่วงที่กำลังบูมตอนประมาณหลังยุค 90 ส่วนเรื่องของด้านการร้อง เสียงสำรอก เสียงสครีม หรือเสียงว๊ากแบบแผดสูง เหมือนอย่างที่เคยใช้กับวงเก่าไม่มีให้ได้ยินเลยครับ กลายเป็นช่องเสียงใหม่ที่นักร้องหนุ่มเลือกใช้ เน้นการร้องเสียงคลีน และลักษณะคล้าย ๆ การตะเบ็งเสียงจากคอแทน
ซึ่งนี่แค่ซิงเกิลแรก ในอนาคตจะมีเพลงที่สาดเสียงสครีมมาแบบทะลุแก้วหูอีกไหม ก็คงต้องติดตามกันต่อไปครับ แต่โดยส่วนตัวแล้วค่อนข้างชอบกับเพลงนี้ ภาพรวมของงานยังไม่หนีจากตัวตนเดิมของเจ้าตัวมากเท่าไรนัก ยังยืนพื้นด้วยโพสท์ฮาร์ดคอร์แบบที่เราคุ้นเคยกันมากับวงเก่า ซึ่งก็ต้องให้ท่านผู้อ่านติดตามกันต่อไป ใครที่เป็นแฟน ที่ตามอยู่แล้ว ก็รออัพเดตข่าวคราวของไอ้หนุ่มผมยาวกับวงใหม่นี้ไปพร้อม ๆ กันครับ

LAMNIDAE is the shark