สวัสดีครับ ห่างหายไปเกือบ 2 สัปดาห์ วันนี้ผมกลับมาพาพวกคุณเดินทางไปกับวง Suicide Silence อีกครั้ง หลังจากในตอนที่แล้ว The Journey of “Suicide Silence” (Part 1) ที่ได้พาไปรู้จักจุดเริ่มต้นและความสำเร็จก้าวแรกของวง มาถึงในตอนนี้ผมจะไปตะลุยกันต่อกับช่วงเวลาของอัลบั้ม No Time to Bleed
หลังจากเปิดตัวไปได้อย่างสวยงามกับอัลบั้ม The Cleansing รวมไปถึงได้รับรางวัลงหน้าใหม่ยอดเยี่ยมจาก The Golden God Award โดยนิตยสาร Metal Hammer ทางวงก็เริ่มปั้นงานผลงานอัลบั้มถัดไปอย่างไม่รอช้า ค่อย ๆ เก็บวัตถุดิบต่าง ๆ ในการรังสรรค์ผลงานไปในระหว่างออกทัวร์ และแล้วในวันที่ 30 มิถุนายน 2009 ทางวงก็ส่งอัลบั้ลที่สองนามว่า No Time to Bleed ออกมาสู่สายตาชาวโลก โดยอัลบั้มนี้สามารถเปิดตัวได้ในอันดับที่ 32 ในบิลบอร์ดชาร์จ 200 อันดับ รวมไปถึงเปิดตัวยอดขายพุ่งไปอยู่ที่ 1,400 ก็อปปี้เฉพาะในอเมริกา ทำลายสถิติเดิมจากอัลบั้ม The Cleansing ไปอย่างสิ้นเชิง เรียกได้วา่สร้างปรากฎการณ์ให้กับวงการเมทัลและค่าย Century Media อีกครั้งกันเลยทีเดียว
สำหรับในอัลบั้ม No Time to Bleed ได้มีการเปลี่ยนแปลงสมาชิกในตำแหน่งของมือเบสเนื่องจาก Mike Bodkins ได้ออกจากวงไป และได้ Dan Kendy มารับหน้าที่เป็นมือเบสแทน อัลบั้มนี้ได้ Machine ผู้ที่เคยฝากผลงานไว้กับวง Lamb of God มารับหน้าที่เป็นโปรดิวเซอร์ให้ ส่วนอาร์ตเวิร์กอัลบั้มได้ Colin Marks ศิลปินที่เคยบรรเลงผลงานให้กับวงอย่าง All Shall Perish, Aborted และ Exodus มารังสรรค์ผลงานให้ ส่วนของดนตรีในอัลบั้มนี้คือการต่อยอดจากอัลบั้ม The Cleansing อย่างชัดเจนครับ ความดิบความโหดในแบบฉบับของวงยังคงอยู่ครบถ้วนแต่ถูกพัฒนาต่อยอดขึ้นไป มีลูกโซโล่จากีตาร์เพิ่มมากขึ้นรวมไปถึงลูกเล่นและเทคนิคของกีตาร์ในการสร้างซาวด์ก็ถูกนำมาใช้ในอัลบั้มนี้ มีเทคนิคดนตรีในการโชว์สัดส่วนที่ซับซ้อนมากขึ้น นอกจากนั้นแล้วยังมีการหยิบซาวด์เอฟเฟกต์หรือซาวด์แทร็กหลอน ๆ มาใส่ไว้ในเพลงเพื่อเพิ่มบรรยากาศแบบหนังสยองขวัญให้กับอัลบั้มนี้อีกด้วย ยิ่งทำให้เข้ากับเนื้อหาของเพลงและคอนเซปต์ในอัลบั้มนี้ได้เป็นอย่างดี รวมไปถึงเสียงร้องของ Mtich Lucker ยังโหดขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย เสียงแผดสูงทรงพลังและทำลายล้างกว่าเดิมมาก ซิงเกิลเด่น ๆ ในอัลบั้มนี้ได้แก่ Wake Up, Genocide (ถูกรวมอยู่ในซาวด์แทร็กของหนังเรื่อง Saw VI ด้วย)
เพลง No Time To Bleed และ Disengage ในอัลบั้มนี้ยังได้รับคำชมจากนักวิจารณ์มากมาย เช่น Eduardo Rivadavia จาก< strong>All Music ที่ให้คะแนนอัลบั้มนี้ถึง 4 เต็ม 5 และ Jim Burnt จาก Rock Sound ได้ให้คะแนนไว้ที่ 9 เต็ม 10 จัดว่าเป็นเกณฑ์ที่สูงมากเลยทีเดียว ความสำเร็จจากในอัลบั้มนี้ส่งให้วงเข้าร่วมเทศกาล Vans Warped Tour ในปี 2010 รวมไปถึงได้เป็นเฮดไลน์ในการทัวร์ร่วมกับวง My Children My Bride, Molotov Solution และ Conducting from the Grave เป็นต้น
ARVE Error: need id and providerจากสิ่งที่ผมได้เล่ามาคงบ่งบอกได้ชัดเจนนะครับว่าทางวงประสบความสำเร็จมากขึ้นกว่าเดิมจริง ๆ แต่ทุกสิ่งในโลกล้วนอยู่บนคำว่า “อนัตตา” ครับ คือ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป ในตอนหน้าซึ่งเป็นตอนสุดท้ายจะบอกความหมายของคำว่าอนัตตาที่เกี่ยวกับวง Suicide Silence ได้เป็นอย่างดี รอติดตามกันนะครับ

Owner, Co-Founder and Writer of Headbangkok
Vocalist : Tragedy of Murder