“Seek Me, Call Me, I’ll Be Waiting…”

ขึ้นต้นด้วยท่อนนี้มาเด็กยุคเมทัลคอร์ไม่มีใครร้องตามต่อไม่ได้แน่นอน ผลงานเพลง “The End Of Heartache” ของวง Killswitch Engage ถูกรวมอยู่ในอัลบั้มชื่อเดียวกับเพลง วางจำหน่ายเมื่อปี 2004 เป็นผลงานที่ส่งให้ชื่อเสียงของวงโด่งดังไปทั่วโลก จนก้าวขึ้นมาเป็นวงหัวหอกของสายเมทัลคอร์มาอย่างนาวนานจนถึงทุกวันนี้

ความโดดเด่นของเพลงนี้มันคือความลงตัวระหว่างความหนักหน่วงในสไตล์เมทัลคอร์ที่ดีไซน์ออกมาให้ฟังง่าย เมื่อมารวมกับเมโลดี้อันสวยงามและเสียงร้องอันทรงพลังของ Howard Jones มันก็กลายเป็นอาวุธที่พุ่งเข้ามาทิ่มแทงติดในโสตประสาทของคนฟังแบบที่ไม่มีทางเอาออก ซาวด์ของดนตรีจะวนเวียนอยู่ในหัวนับตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้ฟัง

Adam Dutkiewicz มือกีตาร์อัจฉริยะของวงได้ย้อนความหลังของเพลงนี้ให้ฟังว่า

“แน่นอนว่า นี่คืออัลบั้มแรกที่เราทำร่วมกับ Howard Jones และพวกเรารู้ดีว่าเขาคือนักร้องที่ยอดเยี่ยมขนาดไหน ดังนั้นแล้วไม่มีเหตุผลเลยว่าทำไมเราถึงจะไม่ใช้ฝีมือของเขาให้เต็ม”

“ส่วนการทำเพลง The End Of Heartache มันออกมาง่ายจริง ๆ นี่ไม่ได้โม้นะครับ ผมไม่ได้ต้องการที่จะเปลี่ยนวิธีการเขียนเพลงร่วมกับ Howard, หรือคิดเกี่ยวกับจะต้องมานั่งหาซาวด์ที่มันมีความเป็นตลาดสูง ผมแค่เขียนเพลงที่ผมคิดว่ามันเจ๋ง และ Howard ก็เข้ามาร้องและทำให้มันสุดยอดขึ้นไปอีก ผมรู้สึกว่ามันอลังการงารสร้างมาก”

“เมื่อผมย้อนไปคิดถึงวันเก่า ๆ สมัยเล่นเพลงหนัก ๆ ในบาร์เล็ก ๆ แถว ๆ บอสตัน, ผมคงไม่คิดว่าจะเขียนเพลงแบบ The End Of Heartache ได้แน่นอนเลย”

“ผมไม่มั่นใจเลยว่าจะมีฝีมือมากพอที่จะเขียนเพลงแบบนี้ได้ พวกเราแค่ต้องการมีประสบการณ์ก้าวขึ้นไปเล่นเวทีระดับใหญ่ และได้เรียนรู้เกี่ยวกับการทำงานก่อนที่ผมจะสามารถไปจัดการกับอะไรแบบนั้นได้”

“ตอนที่พวกเราเอาเพลง The End Of Heartache ไปเล่นเป็นครั้งแรก ผลตอบรับของแฟนเพลงมันบ้าคลั่งมาก ๆ”

“ในช่วงท่อนเวิรส 2 คนดูทั้งหมดต่างก็ร้องเพลงตามพวกเราไปด้วย แล้วการรีแอคมันก็ใหญ่ขึ้นไปเรื่อย ๆ มาอย่างยาวนานครับ”

สำหรับเพลง The End Of Heartache นอกจากจะเป็นซิงเกิ้ลดังของวงแล้ว เพลงนี้ยังถูกนำไปใช้ประกอบภาพยนตร์ Resident Evil : Apocalypse อีกด้วย โดยซิงเกิ้ลนี้สามารถทำยอดขายได้มากถึง 500,000 ก็อปปี้ด้วยกัน จากความสำเร็จที่ถาโถมเข้ามามันเป็นสิ่งที่บ่งบอกของความรุ่งเรืองของยุคเมทัลคอร์ได้เป็นอย่างดี แล้วก็ไม่น่าเชื่อว่าเผลอแป๊ปเดียวเพลงนี้อายุใกล้จะครบ 18 ปีแล้วในเดือนสิงหาคมนี้ครับ

ที่มา : loudersound