corey-taylor-interview

คอรีย์ เทย์เลอร์ แห่ง Slipknot ให้สัมภาษณ์ล่าสุดว่าโจอี้ จอร์ดิสัน ถูกไล่ออกจากวงเมื่อเดือนธันวาคมปี 2013 เพราะว่าโจอี้ไม่สามารถทำงานร่วมกับเพื่อนสมาชิกคนอื่นในวงได้อีกต่อไป

เขาพูดในรายการ “The Jasta Show” รายการพอดแคสต์ของเจมีย์ จาสต้า นักร้องนำวง Hatebreed เอาไว้โดยปฏิเสธที่จะบอกถึงเหตุผลแบบเจาะจงลงไปว่าคืออะไรกันแน่ โดยบอกว่า “เรื่องกฎหมาย [ที่มันเกี่ยวพันอยู่ทำให้ผมไม่สามารถพูดถึงมันได้] แต่ในเวลาเดียวกันมันก็คือการให้ความเคารพด้วย ถึงแม้ว่าผู้คนต้องการจะรู้เรื่องนี้ก็ตาม ผมจะไม่พูดถึงชีวิตของโจอี้ เพราะมันไม่ใช่เรื่องของผม และผู้คนก็จำเป็นจะต้องเข้าใจตรงจุดนั้น ถ้าโจอี้ต้องการจะพูดถึงเรื่องดังกล่าว แน่นอนเขาทำได้ ที่ผมพูดได้ก็มีแค่เรื่องที่เกี่ยวกับวงเท่านั้น และมีทางเดียวที่ผมจะสามารถไปต่อได้ ถ้าจะให้บอกแบบกว้าง ๆ ก็คือ เมื่อมาถึงจุดหนึ่งที่คุณเดินอยู่บนถนนสายเดียวกัน แล้วก็ไปเจอกับทางแยกเข้า บางครั้งคุณก็เดินไปด้วยกัน แต่บางครั้งคุณก็แยกกัน และในเวลานี้เราแยก มันเป็นอะไรที่ง่าย ๆ เพราะความจริงเราแค่ไม่สามารถทำงานด้วยกันได้อีกต่อไป มันมีแค่นั้น”

คอรีย์กล่าวต่อไปว่า “ผมจะไม่นั่งอยู่ตรงนี้แล้วด่าใครบางคนที่ผมใช้เวลา 15 ปีสร้างสิ่งมหัศจรรย์ขึ้นมาด้วยหรอกนะ ผมจะไม่ทำแบบนั้นแน่นอน และแฟนเพลงก็จำเป็นมากที่จะต้องเข้าใจในจุดนั้น และผมคิดว่าพวกเขาส่วนมากเข้าใจนะ แต่มันก็จะมีคนบางกลุ่มบางพวกที่ต้องการอะไรมากกว่านี้นิดหน่อยเพื่อที่ตัวเองจะได้ออกตัวแรงได้ และนั่นคือเหตุผลเดียวที่คนเหล่านั้นต้องการเรื่องราวทั้งหมด เพราะพวกเขาจะได้ปากหมาได้”

เจมีย์ถามเขาต่อไปว่าทางวงคิดถึงโทนเสียง, สไตล์การเล่น, และตัวของโจอี้ในระหว่างการทำอัลบั้ม .5: The Gray Chapter บ้างหรือไม่ เขาตอบว่า “คุณรู้มั้ย… นั่นเป็นคำถามที่ยอดเยี่ยม ยังไงก็ตาม ผมไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้เลยจนกระทั่งคุณจุดประเด็นขึ้นมานี่แหละ เพราะว่าในตอนนั้นพวกเราอยู่ในช่วงเวลาของการพยายามก้าวผ่านมันไป พวกเรามีไอเดียว่าอัลบั้มใหม่จะมีซาวด์แบบไหน ทุก ๆ คนกำลังมองโลกในแง่บวก มันไม่ได้หมายความว่าพวกเราเพิกเฉยกับเรื่องนี้หรอก แต่มันเป็นการก้าวข้ามไป มันมีช่วงเวลาที่พวกเราคิดถึงความสามารถของเขาแน่นอน แต่ผม, คลาวน์ [มือเพอร์คัสชั่น], จิม [กีตาร์]… ยังคงอยู่ในจุดที่คิดถึงพอล [เกรย์, มือเบสผู้ล่วงลับ] และสิ่งที่เขาเคยทำมา และมันก็แบบว่า ทุก ๆ คนจำเป็นจะต้องเติมช่องว่างช่องนั้นให้เต็ม”

เขาเล่าต่อ “ผมกับจิมคือคนกลุ่มแรกที่พูดได้ว่าเราเรียนรู้อะไรมากมายจากการทำงานร่วมกับพอล จนทำให้เราสามารถยึดถือ เอ่อ ผมไม่อยากเรียกมันว่า ‘แบบแผน’ ซักเท่าไหร่ แต่วิธีการที่เขาทำงานและการที่พวกเรานำมันมาปรับใช้กับสิ่งที่พวกเราทำมันก็เรียกแบบนั้นได้ และกับโจอี้ก็เช่นกัน ส่วนใหญ่แล้วงานหลักของเขาจะทำในสตูดิโอ เขามีมันสมองชั้นเยี่ยมและรู้ว่าจะทำเสียงออกมาแบบไหนและรู้ว่าจะทำสิ่งต่าง ๆ ออกมายังไง แล้วก็พวกลูกเล่นอื่นเพิ่มเติมด้วย เช่น เสียงดนตรีเพราะ ๆ หรืออินโทรอะไรพวกนั้น เพราะงั้นพสกจะต้องเติมเต็มช่องว่างอันนั้นให้ออกมาดีด้วยเช่นกัน”

ที่มา – Blabbermouth.net