เวลาช่างผ่านไปรวดเร็ว เผลอแป๊บเดียวก็ครบรอบหนึ่งปีแล้วกับการสูญเสียครั้งสำคัญของวงการเมทัล/ฮาร์ดคอร์ เมื่อ Mitchell Adam “Mitch” Lucker แห่งวง Suicide Silence เสียชีวิตลงด้วยอุบัติเหตุทางมอเตอร์ไซด์ ในคืนวันฮัลโลวีนปี 2012
Mitch Lucker เกิดเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม ปี ค.ศ. 1984 ในย่าน Riverside, California เริ่มทำวงคัฟเวอร์ครั้งแรกกับพี่ชาย โดยมักจะนำเพลงของวง Hatebreed มาเล่น และต่อมาปี 2002 ได้เข้ามาร่วมวง Suicide Silence และฝากผลงานไว้ทั้งหมด 3 อัลบั้ม ได้แก่ The Cleansing, No Time To Bleed และ The Black Crown กับอัลบั้มอีพีอีก 1 ชุด สมรสกับ Jolie Carmadella เมื่อปี 2010 มีลูกสาวด้วยกัน 1 คนชื่อว่า Kenadee Lucker ก่อนที่ Mitch Lucker จะมาจบชีวิตลงด้วยอุบัติเหตุทางมอเตอร์ไซด์เมือวันที่ 31 ตุลาคม 2012 ในเวลาประมาณ 3 ทุ่ม ในวัยเพียงแค่ 28 ปีเท่านั้น
ผมเองก็เป็นหนึ่งในแฟนเพลงคนหนึ่งที่มีของสะสมเป็นแผ่นซีดี, ลายเซ็นบนปกซีดี, โปสเตอร์วง รวมไปถึงเสื้อวง และยังโชคดีได้พบกับ Mitch Lucker ตอนนี้เค้ายังมีลมหายใจอยู่มาแล้ว ผมจึงขออนุญาตถ่ายทอดประสบการณ์ของตัวเองและความรู้สึกส่วนตัวลงบนพื้นที่ว่างของเว็บแล้วกันครับ
“เวลาเที่ยงกว่า ๆ ของวันที่ 1 พฤศจิกายน ปี 2012 ผมตื่นขึ้นจากที่นอนเพื่อเตรียมตัวไปทำงาน สิ่งแรกที่ต้องสัมผัสตอนตื่นนอนคือ โทรศัพท์แบล็คเบอร์รี่ของผม เพื่อดูการแจ้งเตือนจาก BBM และ Facebook ตามยุคสมัย social network เป็นเรื่องปกติ แต่แล้วเรื่องผิดปกติก็เกิดขึ้นเมื่อหน้า New Feeds ใน Facebook เต็มไปด้วยข้อความไว้อาลัย ผมค่อย ๆ อ่านอย่างตั้งใจและต้องช็อกมากยิ่งขึ้นเมื่อข้อความไว้อาลัยต่าง ๆ นั้นเขียนขึ้นแด่ Mitch Lucker แห่งวง Suicide Silence ผู้ซึ่งมีอิทธิพลต่อการร้องเพลงของผมมากเลยทีเดียว ในแวบแรกที่อ่านผมยังมองในแง่ดีว่ามันปล่อยข่าวแกล้งกันหรือเปล่า (เพราะเคยมีเคสแบบนี้เกิดขึ้นกับ Oliver Sykes มาแล้ว ปล่อยข่าวลือว่าตายจากการเป็นมะเร็ง) ผมจึงทำการเข้าไปเชคจาก official Facebook page ของวงโดยตรงจึงพบว่ามันคือเรื่องจริง วินาทีนั้นผมงงและสับสนมาก ราวกับสูญเสียญาติสนิทใกล้ตัวอย่างไม่ทันตั้งตัว เพราะว่าผมเองก็ฟังเพลงของเค้าแทบจะทุกวัน นั่งดูเอ็มวีของเค้าเป็นประจำ และยังได้เคยสัมผัสเค้าใกล้ ๆ ได้เจอกันที่ห้องพักนักดนตรีตอนมาเยือนกรุงเทพฯ ผมนิ่งไปหลายนาที โดยในหัวของผมเต็มไปด้วยเรื่องราวของ Mitch Lucker ลอยอยู่เต็มหัวไปหมด เสียงเพลงของวง Suicide Silence ดังอยู่รอบตัวผมโดยที่ไม่ต้องเปิดเพลง แม้นี่จะไม่ใช่เหตุการณ์แรกของนัดนตรีเมทัลที่ต้องสูญเสียชีวิตก่อนวัยอันควร ก่อนหน้านี้ก็มี The Rev (Avenged Sevenfold) หรือ Paul Gray (Slipknot) ซึ่งผมก็เสียใจแต่ไม่เท่ากับ Mitch Lucker เลย อาจจะเพราะว่าผมได้สัมผัสใกล้ ๆ เค้ามาแล้ว
ย้อนกลับไปเมื่อครั้ง Suicide Silence มาเยือนกรุงเทพฯ ณ หอประชุม AUA เมื่อวันที่ 16 กันยายน ปี ค.ศ. 2011 ผมโชคดีนิดหน่อยที่ได้เป็นสตาฟดูแลเครื่องดนตรีในงานนี้ ก่อนถึงวันงานหนึ่งวันทางวงได้มาพักผ่อนและไปเที่ยวรอบ ๆ กรุงเทพฯ ในช่วงเย็นของวันที่ 15 กันยายนผมได้ไปดูสถานที่จัดงานพร้อมกับทีมผู้จัดและได้ข่าวมาว่าทางวงไป hang out กันที่ตรอกข้าวสาร ผมและผู้จัดจึงได้มุ่งหน้าไปที่นั่นกัน เมื่อจอดรถเรียบร้อยก็เริ่มเดินฝ่าฝูงชนในตรอกข้าวสารช่วงหัวค่ำ มุ่งหน้าไปยังร้าน 999 West เพื่อพบกับสมาชิกของวง เมื่อไปถึงหน้าร้านความฝันผมได้เกิดขึ้นจริง ๆ ตรงหน้า ผมเห็นผู้ชายชาวต่างชาติยืนอยู่ที่หน้าร้าน ชายผู้มีรอยสักงาม ๆ เต็มตัว ผิวขาว และสูงน่าจะเกิน 190 เซนติเมตร ใช่แล้ว เค้าคือ Mitch Lucker ไอดอลของผมและใครอีกหลายคนทั่วโลก ผมได้กล่าวประโยคทักทายตามมารยาทและได้จับมือกับเค้า พร้อมส่งรอยยิ้มให้ซึ่งก็มีรอยยิ้มตอบกลับมา ตรงนี้ทำให้ผมประทับใจมาก ๆ ส่วนตัวผมคิดว่าเค้าเป็นร็อกสตาร์ที่โด่งดังมากคนนึงของวงการดนตรี ด้วยภาพลักษณ์, หน้าตาและเสียงร้อง เรียกได้ว่าครบสูตรเลยทีเดียว แต่กลับไม่ได้หยิ่งในชื่อเสียงของตนเองเลยซักนิด ในทางกลับกันกับมีความเป็นมิตรและเป็นกันเองสุด ๆ ดูให้เกียรติแฟนเพลงต๊อกต๋อยอย่างผมมาก ๆ เป็นแค่วินาทีสั้น ๆ แต่ความทรงจำตรงนี้ผมจำไปยันวันตายแน่ ๆ ครับ หลังจากพบปะกันได้ไม่นานทางวงก็ขอลากลับเพื่อไปพักผ่อน ผมเองก็แยกย้ายกลับบ้านเนื่องจากพรุ่งนี้ต้องทำงานแต่เช้าพร้อมกับใจดใจจ่อกับการแสดงวงของทางวง กับหน้าที่ในการควบคุมเครื่องดนตรีของผม
วันที่ 16 กันยายน, ช่วงเช้าผมมาทำงานประจำที่ออฟฟิศ แต่ช่วงบ่ายผมลางานเพื่อมาช่วยงานคอนเสิร์ต ผมเดินไปทางไปถึงหอประชุม AUA ถ.ราชดำริ เวลาประมาณ 12:30 น. ก็ได้ยินเสียงเพลง You Only Live Once ลอยออกมานอกฮอลล์ ผมจึงเดินตามเสียนั้นไป จึงพบว่าวงกำลังขมักเขม้นในการซาวด์เช็กและวอร์มกันอยู่เบา ๆ แค่ได้ยินเสียงซาวด์เช็กก็ตื่นเต้นแล้ว ทางวงซาวด์เช็กไปได้ครึ่งชั่วโมงก็แยกย้ายกลับไปพักผ่อนที่โรงแรม ส่วนตัวผมก็ดูเครื่องเสียง, เครื่องดนตรีอยู่รอบงาน จนกระทั่งเมื่อเวลาประมาณ 16:00 น. คนเริ่มทยอยมากันอย่างคึกคักที่ด้านล่างของหอประชุม มีบูธจากสปอนเซอร์ต่าง ๆ มาออกร้านกัน ผมเดินดูบรรยากาศรอบ ๆ ไม่นานก็ต้องขึ้นไปแสตนด์บายอยู่ข้างเวที เวลาราว 18:00 น. วงเปิด 2 วงจากประเทศไทย ได้แก่ Dreams of Mad Children และ Eccentric Toilet ก็ออกไปวาดลวดลายประเคนความเดือดให้ผู้ชมได้วอร์มระหว่างรอวง Suicide Silence กันก่อน ในช่วงที่วงเปิดกำลังเล่นก็เป็นช่วงเดียวกับที่ทางวงกลับมาที่ห้องพักนักดนตรีเพื่อแสตนด์บาย ผมไม่รอช้าหยิบซีดีอัลบั้ม The Cleansing และเดินมุ่งหน้าสู่ห้องแต่งตัวเพื่อล่าลายเซ็นของวง และก็ได้ครบสมใจอยาก พร้อมชักภาพคู่กับ Mitch Lucker ไว้เป็นที่ระลึกอีกด้วย (ใช้สิทธิ์สตาฟได้คุ้มจริง ๆ ฮ่า ๆ) หลังจากได้ทำตามกิเลสของตนเองเรียบร้อยแล้วจึงกลับมายืนข้างเวทีอีกครั้งเพื่อเตรียมตัวทำหน้าที่ของตน เวลาประมาณ 20:00 น. ทางวงค่อย ๆ ปรากฎหน้าเวที คนดูตะโกนโห่ร้องเรียกชื่อวงกันดังทั้งฮอลล์ ก่อนจะเปิดฉากด้วยเพลง Wake Up ทำเอาหอประชุม AUA กลายเป็นขุมนรกในฉับพลัน คนดูแท็กกันอย่างบ้าคลั่ง กระโดดเซิร์ฟกันวุ่นวาย มอชพิตใส่กันไม่ยั้ง วิ่งเซอร์เคิล พิตกันสะเทือนไปหมด รั้วเหล็กที่กั้นไว้หน้าเวทีถึงกับเอาไม่อยู่ถูกดันจนล้มและเหยียบกันจนแบบราบ ฝูงชนถูกผลักดันมาติดขอบเวที ทางวงประเคนเพลงเด็ด ๆ มาแบบจัดเต็มทั้ง Unanswered, No Pity for a Cowards, The Price of Beauty, Disengage, Bludgeon to Death, You Only Live Once หรือแม้กระทั่งเพลงคัฟเวอร์สุดเซอร์ไพรส์ของ Deftones ในเพลง Engine No. 9 เรียกได้ว่าจัดเต็มคุ้มค่าขั้น Greatest Hits กันเลยทีเดียว ทำเอาแฟน ๆ ที่มาชมปลาบปลื้มกันไปตาม ๆ กัน ส่วนตัวผมแม้จะทำหน้าที่สตาฟท์ที่ต้องคอยกันมอนิเตอร์ไว้จากฝูงชนหน้าเวที (เล่นเอาปวดเข่าไปหลายวัน) แต่ยังซึมซับพลังที่พวกเค้าถ่ายทอดให้ผู้ชมได้เต็ม ๆ ได้เห็นการแสดงและการเตรียมงานโดยมืออาชีพและละเอียดมากกว่าที่เคยเห็นมา จนทุกวันนี้ให้หลับจานึกภาพเหตุการณ์ในครั้งนั้นก็ยังจำได้ดีทุกๆฉาก เป็นหนึ่งในคอนเสิร์ตที่ผมประทับใจสุด ๆ แต่ใครจะไปคาดคิดเมื่อเวลาผ่านพ้นไปแค่ปีกว่า ๆ Mitch Lucker ของผมต้องมาจากไปอย่างกระทันหันท่ามกลางความโศกเศ้ราของแฟนเพลงทั่วโลก จะว่าโชคดีของคนไทยก็ว่าได้นะครับที่ได้ดู Mitch Lucker ร้องเพลงสด ๆ บนเวทีมาแล้ว ซึ่งมันกลายเป็นทั้งครั้งแรกและครั้งสุดท้ายของเค้ากับวง Suicide Silence ในประเทศไทย”
ในประเทศไทยของพวกเราเองก็มีการเคลื่อนไหวและร่วมไว้อาลัยกับเหตุการณ์การจากไปของ Mitch Lucker เช่นกัน เร็ว ๆ นี้กลุ่มวงอันเดอร์กราวน์ในไทยจะมีงานคอนเสิร์ตที่จัดขึ้นเพื่อรำลึกการจากไปของ Mitch Lucker เป็นครั้งที่ 2 (ครั้งแรกจัดขึ้นเมื่อปีที่แล้ว) โดยมีศิลปินอันเดอร์กราวด์ฝีมือดีมากมายนำเพลงของ Suicide Silence ฮีโร่ของพวกเค้ามาเล่นทริบิวต์กัน มีทั้งวง Fathomless, Eccentric Toilet, Dreams of Mad Children, Tragedy of Murder, Ten Seconds Smash Face, No Goats No Glory, Truculency from Trematode, The Boston Strangler และ Inside Your Minds โดยงานจะจัดขึ้นในวันที่ 9 ตุลาคม 2013 ที่ Immortal Bar บัตรราคา 180 บาท ประตูเปิด 16:00 น. ใครเป็นแฟนเพลง Suicide Silence ไปร่วมรำลึกและไปมันกันนะครับ
สุดท้ายนี้ถึงแม้ Mitch Lucker จะได้จากไปแล้ว แต่ก็ยังทิ้งผลงานไว้ให้พวกเราได้ฟังกัน เมื่อใดที่เปิดเพลงฟังเราจะรู้สึกว่าเค้ายังอยู่ข้าง ๆ เราไม่ได้ห่างจากเราไปไหนไกลเลย และผมเชื่อว่าผลงานที่เค้าฝากไว้จะเป็นผลงานที่ทรงคุณค่าในอนาคตอย่างแน่นอนและจะเป็นความทรงจำที่งดงามของแฟนเพลงตลอดไป
“R.I.P. Mitchell Adam Lucker 1984 – 2012 Gone forever but still in my mind until my last breath”

Owner, Co-Founder and Writer of Headbangkok
Vocalist : Tragedy of Murder