David E. Gehlke จากเว็บไซต์ DeadRhetoric.com ได้ทำการสัมภาษณ์แมกซ์ คาวาเลรา ฟรอนต์แมนวง Soulfly, Cavalera Conspiracy, Killer Be Killed โดยส่วนหนึ่งของบทสัมภาษณ์อ่านได้ที่ด้านล่างครับ

ในการทำงานร่วมกับเกร็ก [พูเซียโต, The Dillinger Escape Plan] และทำวง Killer Be Killed คุณนึกถึงวง Nailbomb บ้างมั้ย?
มันเริ่มต้นแบบนั้นแหละ มันง่ายมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาที่เกร็กมาหาผมแล้วบอกถึงไอเดียของวง Killer Be Killed ผมไม่ได้ใส่ใจในครั้งแรกแต่เพราะว่าผมก็มีวง Soulfly และ Cavalera Conspiracy แล้วผมก็ยุ่งมากด้วย ผมบอกเขาไปว่า ‘เฮ้ ฉันไม่ว่างจริง ๆ ผมไม่รู้ว่าจะทำได้มั้ย’ และเขาก็ตอบกลับมาประมาณว่า ‘คุณจะต้องทำสิ่งนี้! มันจะออกมาแบบ Nailbomb จำได้มั้ย? คุณสนุกกับมัน!’ เขาโน้มน้าวผม ผมบอกกับเขา ‘มาที่ฟีนิกซ์ มาแฮงเกาต์กัน มันจะเป็นเหมือน Nailbomb คุณจะต้องมาที่นี่’ เขามาอยู่นี่ตลอดสัปดาห์ เราแต่งริฟฟ์กีตาร์ ร้องเพลงกันมากมาย เขียนสองเพลงแรกที่ชื่อว่า “Illumanati” และ “Chloroform” ไม่มีเพลงไหนเลยที่ได้บันทึกเสียง มันเป็นเพลงที่พังก์ร็อกมาก ๆ และก็สกปรกมาก ๆ แล้วก็สดมากด้วย แต่มันก็เป็นจุดเริ่มต้น หลังจากนั้นเกร็กก็บอกผมว่าเขารู้จักมือกลองเจ๋ง ๆ นั่นก็คือเดฟ อีลิทช์ที่เคยอยู่วง The Mars Volta แล้วก็ส่งลิงก์มาให้ผมดู ผมดูเขาเล่นแล้วก็อึ้งไปเลย ไอ้คนนี้มันมหัศจรรย์เหี้ย ๆ ผมไปที่แอลเอเพื่อเล่นแจมกับพวกเขา ตอนนั้นเกร็กเป็นมือกีตาร์ด้วย นั่นเป็นสิ่งที่เขาไม่ได้ทำในวง Dillinger ซึ่งมันเจ๋งมาก เขาเป็นมือกีตาร์ที่ยอดเยี่ยม มีริฟฟ์กีตาร์เจ๋ง ๆ มากมายออกมาจากเขา จากจุดเริ่มต้น มันมีมือกีตาร์สองตัว ผม และเกร็กร้องนำ เดฟเล่นกลอง แต่เราต้องการคนมากกว่านี้ และเราคิดว่าคนที่เหมาะสมที่สุดจะต้องเป็นทรอย [แซนเดอร์ส, Mastodon] เพราะเขาสามารถเล่นเบสและร้องไปด้วยได้ และนั่นคือตอนที่เรากลายเป็นซูเปอร์กรุ๊ป ตอนทรอยเข้มาร่วมวง เราก็เลื่อนชั้นไปอีกระดับหนึ่ง มันเจ๋งโคตร ๆ แล้วก็จริงจังโคตร ๆ ผมเพิ่งคิดได้ว่าตอนที่ทรอยเข้ามาร่วมวงนั้นเป็นการเดินทางที่ไกลกว่า Nailbomb และกลายเป็นอะไรที่ต่างออกไป”

ฟุตบอลโลกกำลังจะมาแล้ว และคุณก็ถูก ESPN ทาบทามให้เขียนบางเพลงให้พวกเขาด้วย บอกใบ้ได้มั้ยว่ามันจะออกมาเป็นยังไง?
ผมตื่นเต้นมากที่จะได้ทำสิ่งนี้เพราะมันเป็นข้อเรียกร้องที่ยิ่งใหญ่จาก ESPN คนคนนี้เป็นแฟนรายการของ ESPN เขาโทรหาผมตอนที่กลอเรีย [ภรรยา, ผู้จัดการของแมกซ์] บอกเรื่องนี้กับผม เธอบอกว่า ‘คุณจะต้องชอบเรื่องนี้แน่ ๆ!’ นี่จะเป็นเรื่องที่กินใจคุณมาก ESPN ต้องการให้คุณเขียนเพลงสิบเพลง ความยาวสองนาที พร้อมกับริฟฟ์ที่พวกเขาจะสามารถนำไปใช้ในฟุตบอลโลกได้’ ตอนนั้นผมแบบ ‘ไม่มีทาง!’ ตอนแรกมันเป็นความตื่นเต้น แต่หลังจากนั้นมันก็เป็นความประหม่า มันเป็นหน้าที่ที่ใหญ่มาก ผมจะเขียนเพลงอะไรออกไป ผมแจมกับไซออน ลูกชายผม และเราก็เตรียมวัตถุดิบที่จะใช้ไว้และพวกเขาชอบมัน พวกเขาจะนำวัตถุดิบเหล่านี้ไปใช้แม้แต่กับพวกี่อยู่นอกเหนือจากฟุตบอลโลกด้วย ผมรอไม่ไหวแล้วที่จะได้ฟังมัน มันประหลาดมาก มันเป็นสิ่งที่ผมไม่เคยทำมาก่อนเลย ผมถูกทาบทามเมื่อหลายปีก่อนให้พากษ์เสียงของมัมมี่ในภาพยนตร์ “Mummy Returns” กับเดอะร็อก ผมคำรามไปมากมาย และผมก็ได้ยินเสียงคำรามของผมเอง พวกเขาใส่ชื่อผมลงไปในเครดิตตอนจบด้วย และผมก็ไปที่งานเปิดตัว มันสนุกมาก ๆ และก็เป็นอีกครั้งที่แฟนเพลงเป็นคนที่ทำหนัง หลาย ๆ ครั้งคุณก็ต้องทำอะไรที่ต่างออกไปจากเดิมบ้างเช่นทำเพลงให้ ESPN ซึ่งมันเจ๋งมาก ผมมีความสุขมากจริง ๆ มาร์ตี่ ไฟรด์แมนทำเพลงเพลงนึงให้กับรายการฮ็อกกี้ของ ESPN ผมก็เลยรู้สึกประมาณว่า ‘มันคือฟุตบอลโลก มันคือบราซิล’ มันเป็นเรื่องที่จริงจังมากและผมทำลงไปอย่างดีที่สุด จริง ๆ แล้ว ริฟฟ์บางอันก็ควรจะไปอยู่ในเพลงเด้่น ๆ ของ Soulfly ‘เฮ่อ ผมน่าจะเก็บของพวกนี้ไว้!’

คุณสามารถบอกอะไรเราเกี่ยวกับ Cavalera Conspiracy โฉมใหม่ได้บ้าง
มันบ้ามาก ผมอยากให้อิกอร์ [น้องชาย] เล่นให้เร็วเหมือนตอนที่เขาอายุ 18 อีกครั้ง ผมเป็นคนรับผิดชอบเรื่องนี้ ผมเป็นคนทรมาณเขา และผมคิดว่าผมทำให้เขาคลั่ง แต่นั่นก็เพื่อให้อัลบั้มมันออกมาดี ผมบอกว่า “ทำให้มันเหมือนกับ Reign in Blood หรือ Beneath the Remain แล้วก็ช่างหัวกรูฟแม่ง” เราเกือบจะเรียกมันว่า ‘Fuck the Groove’ แล้ว ทุก ๆ ครั้งที่อิกอร์พยายามจะเข้าถึงจังหวะ ผมจะบอกเขาว่า ‘ช่างกรูฟแม่งซะแล้วก็เล่นให้มันไวขึ้นอีก’ อัลบั้มนี้มันทั้งไวและโหดแน่นอน

อ่านบทสัมภาษณ์เต็ม ๆ ได้ที่ DeadRhetoric.com ครับ

ที่มา – Blabbermouth.net