“Cut my life into pieces
This is my last resort
Suffocation
No breathing
Don’t give a fuck if I cut my arm, bleeding”
นี่คือท่อนฮุคสุดทรงพลังที่โด่งดังข้ามกาลเวลาจากยุคนูเมทัลมาจนถึงปัจจุบัน ใช่แล้วครับมันคือท่อนฮุคจากเพลง “Last Resort” ของวง Papa Roach ผลงานจากอัลบั้ม Infest ที่วางจำหน่ายเมื่อปี 2000 อีกทั้งมันยังเป็นผลงานที่ทำให้ทั่วโลกรู้จักวงแมลงสาปตัวแสบในเวลาอัดรวดเร็ว
สารตั้งต้นของเพลงนี้ถูกเรียบเรียงมาจากการเล่นเปียโน ทั้งริฟฟ์และเมโลดี้ต่าง ๆ ต้นไอเดียก็มาจากเปียโนเช่นกัน
ส่วนพอออกมาเป็นเพลงก็ถูกเรียบเรียงมาตามสูตรเพลงป๊อป มีท่อนเวิร์ส พรีฮุค ท่อนฮุค ครบครัน ตามมาด้วยซาวด์ของดนตรีนูเมทัลที่โดดเด่นด้วยริฟฟ์กีตาร์สุดติดหู ริธึ่มที่มาพร้อมจังหวะกรูฟสุดแน่น การร้องก็เน้นใช้ท่อนแร็ปเป็นหลัก สลับกับเสียงคลีนเมโลดี้ รวมถึงท่อนสครีมที่สอดแทรกเข้ามาพาอารมณ์ขึ้นไปถึงจุดพีค
ทุกพาร์ตของดนตรีลงตัวและสมบูรณ์แบบ จนทำให้เพลงออกสตาร์ตด้วยความร้อนแรงขึ้นอันดับ 1 ในชาร์ตอัลเทอร์เนทีฟ แอร์เพลย์ของบิลบอร์ด ทำยอดขายจนถึงปัจจุบันในรูปแบบดิจิตัลได้มากถึง 2.2 ล้านยูนิต
ความสำเร็จที่ได้มาอย่างท่วมท้น นอกจากความยอดเยี่ยมของดนตรี เนื้อหาของเพลงก็มีส่วนอย่างมาก เรื่องราวที่เกิดขึ้นในเพลงนี้มันคือชีวิตของคน ๆ หนึ่งที่รู้สึกกำลังสิ้นหวังและสับสนต่อการใช้ชีวิต รู้สึกไร้ซึ่งทางออก ความรู้สึกต่าง ๆ เหล่านี้มักจะเกิดขึ้นกับชีวิตของเหล่าบรรดาวัยรุ่น ทำให้เพลง “Last Resort” เปรียบเสมือนตัวแทนคำพูดของพวกเขาเหล่านี้ ซึ่งทาง Tobin Esperance มือเบสของวงก็เห็นด้วยกับเรื่องนี้มากทีเดียว
“ผมคิดว่าเนื้อเพลงมันมีส่วนเกี่ยวข้องเป็นอย่างมาก เพราะว่าเดิมทีเพลงนี้เคยเกี่ยวกับเพื่อนของพวกเราที่เติบโตมาด้วยกัน และเพื่อนของเราได้เผชิญกับช่วงเวลาที่ยากลำบากในชีวิต ซึ่งมันมีเรื่องของการฆ่าตัวตายรวมอยู่ด้วย เช่นเดียวกับการเติบโตและการดิ้นรนในชีวิตที่เต็มไปด้วยคำถามว่าคุณจะเดินหน้าต่อหรือไม่”
“ผมคิดว่าผู้คนมากมายเข้าถึงเรื่องราวแบบนี้ได้ เช่นเด็ก ๆ ที่เคยผ่านช่วงเวลาของความรู้สึกและอารมณ์แบบนี้ เนื้อเพลงมันช่วยให้ทุกคนคอนเนคกับตัวเพลงจริง ๆ นะครับ”
ส่วน Jacoby Shaddix นักร้องนำได้เรียกเพลง “Last Resort” ว่าเป็นเพลงแห่ง “เสียงเรียกร้องขอความข่วยเหลือ” เพราะว่าเขาเคยผ่านช่วงเวลาเลวร้ายในชีวิตในช่วงปี 2012 เป็นช่วงที่เขาเริ่มดื่มอย่างหนัก แถมยังแยกทางกับภรรยา ซึ่งเจ้าตัวบอกว่าชีวิตในตอนนั้นเหมือนกับเนื้อเพลงในท่อน “I can’t go on living this way” แต่สุดท้ายแล้วก็เนื้อหาเพลงที่เขาลงมือแต่งเองกลับกลายมาเป็นส่วนที่ช่วยให้เขาออกจากความดำดิ่งมาได้ และได้กลับไปคืนดีกับภรรยา ได้ไปอยู่กับลูก ๆ อีกครั้ง
แม้ว่าตัวเพลงจะถูกปล่อยมาเกือบ 22 ปีแล้ว แต่ยอดวิวของ MV ยังคงเดินหน้าอย่างต่อเนื่องจนตอนนี้วิวไปแตะที่ 157 ล้านวิวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ไม่ว่าเพลงนี้จะมีความหมายกับคุณในรูปแบบไหน แต่สิ่งเดียวที่ทุกคนเห็นตรงกันคือ “Last Resort คือเพลงที่เป็นสัญลักษณ์ของยุคนูเมทัลโดยแท้จริง”

Owner, Co-Founder and Writer of Headbangkok
Vocalist : Tragedy of Murder