เริ่มมีแนวโน้มที่บทเพลงอันเกรี้ยวกราดของ Lamb of God จะมีเสียงคลีนเข้ามาเกี่ยวข้องแล้วครับ
ในการสัมภาษณ์ล่าสุดกับทาง VH1.com แรนดี้ ไบลธ์ นักร้องนำของวงตอบคำถามเกี่ยวกับการร้องเพลงว่ายังอยากร้องแบบดุดันต่อไปอีกนานแค่ไหน เขาตอบว่า “ไม่ครับ ไม่ใช่ทั้งหมดหรอก… คือพอถึงจุดนึงเนี่ยผมก็รู้สึกว่าตัวเองก็อายุตั้ง 44 เข้าไปแล้ว ผมทำหน้าที่นี้กับวงดนตรีนี้มาถึง 21 ปี และในอัลบั้มล่าสุดของวง Lamb of God อย่าง VII: Strum Und Drang เนี่ยมันก็มีอะไรที่ต่างออกไปนิดหน่อยด้วย มันมีเพลงที่มีเสียงคลีนเข้ามาปนอยู่ด้วย มีเพลงที่ผมร้องกับชิโน มอเรโน (Deftones) แล้วก็เพลงที่ทำกับเกร็ก พูเซ๊ยโต (The Dillinger Escape Plan) แล้วมันมีเพลงนึงที่เป็นเสียงคลีนเกือบทั้งเพลง ซึ่งผมเป็นคนร้องเองคนเดียว นั่นคือส่วนที่สนุกที่สุดที่ผมมีตั้งแต่เริ่มทำงานในสตูดิโอมาเป็นเวลานาน เพราะงี้ พวก การที่ต้องแหกปากอยู่ในนั้นเป็นเวลา 4-6 ชั่วโมงต่อวันเนี่ย มันก็ทำให้คุณประสาทแดกได้นะ
“ผมรู้ว่าใคร ๆ ก็ชอบพูดแบบนี้กัน แต่ผมก็คิดว่านี่คือหนึ่งในอัลบั้มที่ยอดเยี่ยมที่สุดของพวกเรา นั่นก็เพราะว่าวิลลี่ แอดเลอร์ (มือกีตาร์) และมาร์ค มอร์ตัน (มือกีตาร์) ได้มีส่วนช่วยในการแต่งเพลงกันจริง ๆ ซะที ซึ่งที่เป็นแบบนี้ได้ก็เพราะได้จอช วิลเบอร์ โปรดิวเซอร์ของพวกเราช่วยปลุกใจให้พวกเขามานั่งทำงานและแต่งเพลงร่วมกันจนได้ มันเป็นการหวนคืนสู่การทำงานแบบเก่าในฉบับของเรา เพราะตัวมาร์คเองก็แต่งเพลงที่บ้านแล้วส่งเดโมมาผ่านคอมพิวเตอร์ได้พักใหญ่ ๆ แล้ว ส่วนวิลลี่ก็ทำแบบเดียวกันด้วย แล้วหลังจากนั้นพวกเขาถึงจะมาสอนกันและกันในแต่ละเพลงที่ตัวเองแต่ง แต่ในอัลบั้มนี้ มันเหมือนกับการย้อนอดีตไปหาวันวานที่เราเพิ่งรวมตัวกัน และพวกเขาก็ร่วมกันทำเพลงในพื้นที่สำหรับซ้อมดนตรีด้วยกัน แบบที่วงดนตรีจริง ๆ เค้าทำกัน ผมว่าเดี๋ยวมันก็จะแสดงออกมาให้เห็นในอัลบั้ม นี่คืออัลบั้มที่ยอดเยี่ยมที่สุดที่เราทำกันมาในเวลายาวนาน ทีนี้ถ้าให้ย้อนกลับไปคำถามแรก ก็ต้องขอตอบว่า ไม่ มันไม่ใช่อะไรที่ผมต้องการจะทำหรอก”
อีกหนึ่งคำถามที่น่าสนใจก็คือ การอยู่ในวง Lamb of God เป็นเหมือนกับการทำงานหรือเปล่า “แน่นอน แน่นอนที่สุดเลยพวก โดยเฉพาะตั้งแต่ตอนที่เราไม่มีเวลาเหลือเพียงพอสำหรับตัวเอง และเราก็ต้องการที่จะหาเงินด้วย [หัวเราะ] เพราะงั้น นี่แหละคืองาน มันไม่ใช่ว่าผมไม่สนุกกับงานของตัวเองนะ แต่นี่แหละมันคืองานจริง ๆ ผมไม่มีแผนอะไรเลย… ไม่สิ คือผมมีแผนบีอยู่ ซึ่งมันก็มีออกมาแล้วในตอนนี้ทั้งนั้น: ผมเขียนหนังสือ, ผมจัดแสดงภาพถ่ายอะไรพวกนั้นแล้ว คือมันไม่มีการเกษียณตัวหรอกในวงการธุรกิจนี้น่ะ เพราะงั้นตอนนี้มันก็ถึงเวลาสำหรับการทำอัลบั้มใหม่ มันถึงเวลาสำหรับออกทัวร์แล้ว มันถึงเวลาแล้วที่จะต้องทำสิ่งที่ต้องทำเพื่อปากท้องและครอบครัวของเรา แต่ก็มีหลายคนไม่ชอบเวลาที่คุณพูดแบบนั้นออกมา เรื่องพวกนี้มันมีมาก่อนไอเดียสุดโรแมนติกในการมีวงดนตรีจะเกิดขึ้นเสียอีก ความโรแมนติกไม่ได้ช่วยจ่ายหนี้ให้คุณได้นะ [หัวเราะ] ไม่ มันไม่ได้ช่วยจ่ายค่าอะไรให้เราเลย”
เขากล่าวปิดท้ายว่า “เพราะงั้นคำตอบของผมก็คือ ไม่ การแหกปากไม่ใช่สิ่งที่ผมต้องการจะทำอีกต่อไป มันไม่ใช่ความปรารถนาอันแรงกล้าที่ออกมาจากภายในแล้ว”
ที่มา – Blabbermouth.net

ผู้ร่วมก่อตั้ง และอดีต บก. Headbangkok.com