หากนึกถึงห้างพันธุ์ทิพย์พลาซ่าใจกลางย่านประตูน้ำ หลายคนคงนึกถึงร้านขายอะไหล่คอมพิวเตอร์, แผ่นผีซีดีเถื่อน, หนังโป๊ หรือไม่ก็เพลงของเสก โลโซ แต่สำหรับชาวร็อกผู้คลั่งไคล้การสะสมเทป/ซีดีคงจะไม่ได้นึกถึงสิ่งที่ผมกล่าวมาข้างต้นเป็นลำดับแรกอย่างแน่นอน แต่จะนึกถึงแผงร้านค้าที่ขายซีดีบริเวณชั้น 2 ตรงข้ามร้านสตาร์ซอคเกอร์ ที่ปัจจุบันได้กลายเป็นตำนานและความทรงจำล้ำค่าของชาวร็อกไปแล้ว
ใช่แล้วครับ ผมกำลังพูดถึงร้าน “เจ.ยู. พันธุ์ทิพย์”
ย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 11 ปีที่แล้วประมาณปี พ.ศ. 2545 ผมอายุ 15 ปี เป็นช่วงปลายยุคนูมทัล และดนตรีแบบอีโม, เมทัลคอร์กำลังกลืนกินกระแสในตอนนั้น ผมเองก็เริ่มจะจริงจังกับดนตรีมากขึ้นตามวัย จากที่ฟังวงนูเมทัลพื้นๆอย่าง Limp Bizkit, Linkin Park, Slipknot และ Korn ก็เริ่มอยากแตกฉานวิชามากขึ้น โดยอาศัยหนังสืออย่าง Nu-Rocker, Music Express, Starpic (Music Edition) เป็นตัวนำทาง ทำให้ผมได้รู้จักวงและแนวใหม่ ๆ เพิ่มมากขึ้น เกิดแรงบันดาลใจหรือที่จริงแล้วมันคือกิเลศในการสะสมริเริ่มซีดีเพลงอย่างจริงจัง เริ่มแรกผมเก็บแผ่นจากร้านมิวิสค วัน สาขายู เซ็นเตอร์ย่านจุฬาฯ ซึ่งใกล้บ้านมาก แต่เปิดได้ไม่นานก็เจ๊งซะอย่างงั้น ผมก็เลยเสาะหาข้อมูลร้านขายซีดีประเภทพวกเมทัล/ฮาร์ดคอร์ที่ใกล้บ้านมากที่สุดในขณะนั้น ซึ่งก็เหลือบไปสังเกตเห็นในหนังสือต่างๆเหล่านั้นว่ามีชื่อร้าน เจ.ยู. พันธุ์ทิพย์พลาซ่า ประตูน้ำ ซึ่งก็ตรงเป้าหมายของผมพอดี ผมไม่รอช้านำเงินค่าทำงานพิเศษจากการเสิร์ฟน้ำตามงานเลี้ยงโต๊ะจีนที่ได้มาไปที่ร้านทันที ผมนั่งรถเมล์จากที่บ้านด้วยจิตใจที่ตื่นเต้นและมีความสุข และมันเป็นทุกครั้งที่จะได้ไปเลือกแผ่นซีดีมาเก็บไว้เป็นคอลเลกชั่นของตัวเอง เมื่อถึงหน้าห้างพันธุ์ทิพย์ความสับสนก็เกิดขึ้นเนื่องจากจำไมได้ว่าร้านอยู่ชั้นไหน ก็เลยอาศัยเสี่ยงเอาด้วยการขึ้นบันไดข้างลิฟท์ ไม่ว่าด้วยพรหมลิขิตหรือความบังเอิญอันใด ผมเดินขึ้นมาใกล้ชั้นสอง ได้ยินเสียงเพลงแนวประมาณพาวเวอร์เมทัลลอยมาเตะหู ผมถึงมั่นใจได้ว่ามาถูกทางแล้ว ก็เลยเดินตามเสียงอันทรงพลังนั้นไป สิ่งแรกที่ผมเห็นคือ “สวรรค์” ครับ โปสเตอร์วงเมทัลแปะอยู่เต็มร้าน ซีดีจากเพลงอีกเพียบ บริเวณแผงเต็มไปด้วยกล่องม้วนเทปเปล่า นิตยสารหลากหลายฉบับ หนังสือแคตตาล็อก, สติ๊กเกอร์, พวงกุญแจ รวมไปถึงเสื้อวงและอีกมากมาย
แต่สิ่งที่ทำให้ผมแปลกใจมากที่สุดคือเจ้าของร้านครับ
ด้วยจินตนาการของผมก่อนมาเยือนคิดว่าเจ้าของร้านน่าจะเป็นผู้ชาย ผมยาว มีหนวด มาดลุคโหด ๆ แบบพวกวงเดธเมทัลอะไรประมาณนั้น แต่จินตนาการของผมสลายไปในพริบตา เมื่อภาพที่ปรากฎตรงหน้าเป็นแม่ค้าวัยกลางคน อายุน่าจะประมาณ 40 ปีเห็นจะได้ แต่งตัวปอน ๆ เอาง่ายๆเหมือนแม่ค้าขายของชำเลยหล่ะครับ ผมยืนงงหน้าร้านซักพัก เจ้าของร้านจึงกล่าวทักทายและยื่นแค็ตตาล็อกเล่มหนาให้ผมดู ซึ่งก็มีรูปปกของแต่ละอัลบั้มและชื่อเพลงอยู่ มีหลายเล่มเหมือนกัน มีทั้งซีดีมือหนึ่งและมือสอง ผมเลือกซักพักจึงตัดสินใจเลือกแผ่นจากวง The Used อัลบั้ม Maybe Memories และ Story of the Year อัลบั้ม Page Avenue ป้าเจ้าของร้านก็แวบเข้าไปหยิบจากในตู้มาให้ ผมจึงเลือกซีดีต่อเพราะเตรียมเงินมากะว่าจะซื้อซัก 3 แผ่น แต่ในระหว่างเลือกแผ่นผมต้องประหลาดใจมากขึ้น เมื่อเจ๊คนขายแนะนำให้ผมฟังวง Thursday ดู เจ๊บอกว่าวงนี้เล่นอีโมเมโลดี้สวยดีพร้อมลองเปิดให้ฟัง เรียบร้อยครับการตลาดเจ๊ได้ผล ผมควักเงินจ่ายให้เจ๊ไปครบ 3 แผ่น หลังจากจ่ายเงินเสร็จแล้วเจ๊ยังแนะนำวงสไตล์ใกล้เคียงให้ผมทราบอีกหลายวง ทำเอาผมตะลึงมากไม่คิดว่าเจ๊จะรู้ขอมูลมากขนาดนี้ เรียกว่าระดับเกจิเลยก็ว่าได้ และได้กลายเป็นสิ่งที่ผมประทับใจมาก ๆ เพราะผมได้มองเห็นความเอาใจใส่ต่อหน้าที่และการดูแลลูกค้าที่ดี รวมถึงยังแชร์ความรู้ให้กับเรา ซึ่งอาจจะหาไม่ได้จากร้านซีดีอื่นทั่วไป ซึ่งทำให้ตัวผมเองมอบใจให้กับร้านนี้ไปเต็ม ๆ ครับ ทุกครั้งที่หางานจากการเสิร์ฟนำมาได้ผมก็จะแวะเวียนมาอุดหนุนและพูดคุยกับเจ๊อยู่เป็นประจำ บางครั้งจะเจอเจ๊แกอยู่กับพี่สาว (พี่สาวแกเปิดร้านโดเรมี อยู่ที่สยามสแควร์) ทำให้ผมเองก็มีซีดีสะสมเพิ่มมากขึ้นจนที่บ้านทักว่าจะเอาซีดีไปต้มกินหรอ ฮ่า ๆ เวลาล่วงเลยผ่านมาจนผมเข้าเรียนมหาวิทยาลัยผมก็ไม่ค่อยมีเวลาไปเท่าสมัยก่อนเนื่องจากต้องย้ายบ้าน รวมไปถึงค่าใช้จ่ายส่วนตัวก็สูงขึ้น
จนมาถึงปี พ.ศ. 2552 ผมได้รับทราบข่าวว่าร้าน เจ.ยู. กำลังจะปิดตัวลงแต่ยังไม่ทราบสาเหตุ ผมก็ไม่ได้ประหลาดใจมากครับ เนื่องจากร้านซีดีต่าง ๆ ในตอนนั้นทยอยกันปิดไปหลายเจ้า เนื่องจากคนหันไปดาวน์โหลดพลงผิดกฎหมายกันเพียบจนยอดขายซีดีตกลงไปอย่างน่าใจหาย แต่กลับรู้สึกเสียดายมากกว่าเพราะจะหาร้านซีดีที่ได้ทั้งความรู้และความบันเทิงมันคงหาไม่ได้อีกแล้ว
จนผมได้พบข่าวบนอินเตอร์เนตจากเว็บบอร์ดที่ไหนซักแห่ง (ผมจำไม่ได้ ขออภัยด้วย) แจ้งว่าเจ๊จูแกเป็นมะเร็ง ต้องพักรักษาตัวและกิจการเองก็ไม่มีใครมาสานต่อทำให้ต้องปิดตัวลง ผมเองก็ได้แต่ภาวนาให้เจ๊แกต่อสู้กับโรคร้ายและหายเป็นปกติ
แต่แล้วความไม่แน่นอนของชีวิตก็เกิดขึ้น วันที่ 4 ม.ค. 2553 ผมก็ได้รับข่าวร้ายว่าเจ๊ได้เสียชีวิตลงแล้ว ผมเองก็เสียใจมากครับ ความรู้สึกเหมือนสูญเสียญาติสนิทของเราไปคนนึง เป็นอันปิดตำนานของร้าน เจ.ยู. อย่างแท้จริง ซึ่งส่งผลกระทบอย่างแท้จริงต่อความรู้สึกลูกค้าทั้งหลาย ดูข้อความไว้อาลัยได้จากเว็บพันธุ์ทิพย์เลยครับ
- นักสะสม CD ใจหาย!! เจ๊จูปิดกิจการ
- เจ๊จู แห่ง JU ตำนานของร้านเทป ซีดี ไทยจากไปแล้วครับ
- เจ๊จูแห่งร้าน JU พันธ์ทิพย์ จากพวกเราไปแล้วนะครับ
ถึงแม้เจ๊จูจะจากพวกเราไปแล้ว แต่ผมเชื่อว่าความทรงจำที่ดีของลูกค้าร้านนี้ยังคงอยู่ตลอดไปแน่นอน ผมเองก็เช่นกันทุกครั้งที่จะซื้อซีดีหรือหยิบแผ่นซีดีที่สะสมไว้มาดู สิ่งแรกที่ผมนึกถึงคือภาพเจ๊จูที่คอยแนะนำวงต่าง ๆ ให้ผมรู้จักอยู่เสมอ และเมื่อวานนี้ 4 มกราคม พ.ศ. 2557 คือวันครบรอบการจากไปของเจ๊จูครบ 4 ปีพอดี ผมก็ขอให้ดวงวิญญาณของเจ๊ได้ไปเกิดในภพภูมิที่ดี หากชาติหน้ามีจริงขอให้เจ๊กลับมาเป็นกูรูของวงการดนตรีอีกครั้งนะครับ
(ภาพได้มาจากเว็บ Pantip โดยคุณเคราครึ้ม)

Owner, Co-Founder and Writer of Headbangkok
Vocalist : Tragedy of Murder