Slayer, Trivium, Ozzy Osbourne, AC/DC หรือ Whitechapel คือชื่อตัวอย่างของวงดนตรีสายร็อกและเมทัลระดับบิ๊กเนม ที่แฟน ๆ ต่างรู้จักกันดี และเชื่อว่าความฝันของหลาย ๆ คน คงอยากได้ไปชมคอนเสิร์ตหรือได้เข้าไปขอลายเซ็นระยะประชิด
แต่มันน่าจะฟินยิ่งกว่าถ้าเราได้มีโอกาสทำงาน ได้มีส่วนร่วมกับวงเหล่านั้น สิ่งที่เกริ่นมากมันดูไกลเกินเอื้อมมาก ๆ แต่ไม่ใช่กับ “หนุ่ย” ธนฤทธิ์ พรมภา หรือที่เพื่อน ๆ ชอบเรียกกันว่า “ลุง” อดีตมือกีตาร์วง Drenched ที่มีอีกหนึ่งบทบาทคือการเป็นศิลปินออกแบบอาร์ตเวิร์ก โดยใช้น้ำปากกาว่า “Namsing” ที่เริ่มต้นจากการออกแบบปกวงตัวเอง และต่อยอดจนได้มีโอกาสได้ออกแบบอาร์ตเวิร์กให้กับวงดนตรีระดับโลกมากมาย ภายในห้องเล็ก ๆ ที่เราได้บุกไปสัมภาษณ์มา
ชื่อ “ลุง” และ “Namsing” ได้มายังไงครับ
ที่บ้านชื่อ “หนุ่ย” ตระกูล น. 3 พี่น้อง พอมาเรียนที่ศิลปากร ที่ ม.จะมีการตั้งชื่อในคณะกัน ชื่อลุงได้มาจากเพื่อนเรียก เพราะตอนมาเรียนตัดผมสั้น ผมหงอกเยอะ เพื่อนเลยเรียก “ลุง” กันมา ส่วนชื่อ “Namsing” มันได้มากจากรุ่นพี่ในคณะ แล้วดันไปคล้องกับร้านหูฉลาม “นำซิง” ที่เยาวราช เราก็แบบมันได้ เราก็เอา พอไปสมัครงานใช้ชื่อลุงมันมีคนตั้งไปแล้ว ก็เลยใช้น้ำสิงห์
เริ่มสนใจทำงานแบบนี้เมื่อไหร่ครับ
ตั้งแต่เรียนจบเลย ตอนแรกก็ขอแม่ว่าจะทำอัลบั้มของวง Drenched ให้จบก่อน ระหว่างรอเพื่อนเรียนจบ ตอนช่วงนั้นก็ไม่รู้จะทำอะไร พอดีบอยนักร้องนำ Anubiz พอดีรู้จักกัน บอยแนะนำว่าทำเสื้อไหม ตอนนั้นเราก็ไม่รู้ทำเสื้อคืออะไร อะ ๆ ลองทำดู บอยเป็นคนสอนทำ Photoshop บอยก็พาไปซื้อเมาส์ปากกา ช่วงนั้นแหละก็ได้ลองทำ ได้เรียนรู้ ไปโพสต์งานที่ไหน เว็บอะไร บอยก็เป็นคนแนะนำ ก็ทำ ๆ จนงานไปเข้าตาพี่ Mike Hranica (The Devil Wears Prada) แทน ก็เป็นงานชิ้นแรกเลยที่ขายได้ แล้วก็เลยเริ่มวงจรชีวิตคนวาดลายเสื้อ ตอนนั้นขายได้ 180 เหรียญ ลงไว้ในเว็บลายเสื้อ ตอนนี้มันเป็นชื่อเว็บ Mintees ตั้งแต่ยุคนั้นคือศิลปินที่เห็นทุกวันนี้ก็วนเวียนอยู่ในนั้น อย่างพวก Dan Mumford, Godmachine

คิดหรือเปล่าว่าจะมีวงระดับนี้มาติดต่อเรา
ไม่คิดเลย แต่ตอนแรกอะเสนองานให้วง Maylene And The Sons of Disaster ไปก่อนแล้วเขาก็ไม่เอา ตอนแรกเหมือนจะเอา ตอนหลังไม่เอา ก็เลยเสร็จ Mike Hranica แต่มีติดต่อมาเยอะนะ แต่ว่าคุยไม่ลงตัว
ตอนนั้นเป็นแฟน The Devil Wears Prada ด้วยหรือเปล่าครับ
รู้จักวง แต่ไม่ได้ติดตามผลงาน แต่ก็ชื่นชอบนะ และรู้ว่าวงก็ค่อนข้างมีชื่อเสียง หลังจากนั้นนั้นก็ได้มีโอกาสเริ่มทำให้วง The Black Dahlia Murder, Carnifex, Whitechapel วงยุคเมทัลคอร์ และเดธคอร์ ยุคที่เสื้อสีแสบ ๆ หลังจากนั้นก็ทำมาเรื่อย ๆ จนได้มีโอกาสทำแบรนด์เสื้อผ้า ทำแบรนด์สเก็ตบอร์ด ทำโปสเตอร์ ทำมาเรื่อย ๆ ก็เข้าปีที่ 10 แล้ว

ชอบวาดรูปตั้งแต่เด็ก ๆ หรือเปล่าครับ
ถามว่าตอนนั้นชอบไหม ตอนเด็ก ๆ ไม่รู้หรอก มันก็แค่รู้ว่าตอนเด็ก ๆ เราทำอันนี้ได้ดี ทำอันนี้แล้วมีครูชอบ คนชื่นชม ก็คงคิดว่าตัวเองทำอันนี้แหละที่ทำได้ดี ก็ทำมาเรื่อย ๆ ได้มีโอกาสมาสอบที่ศิลปากร ก็สอบติดก็ได้เรียน จริง ๆ พอมาเรียนที่ศิลปากรก็เลยได้เจอเพื่อน มาทางสายดนตรี จนได้รู้ว่าดนตรีกับศิลปะมันไปด้วยกันได้ แต่ถามว่าตอนนั้นจะทำอะไรเกี่ยวกับดนตรีไหม ยังไม่ได้คิด คิดแค่เล่นดนตรีกับเพื่อนสนุกดี ไม่ได้คิดเป็นอาชีพอะไรด้วยซ้ำ พอจบมาแล้วเหมือนกับว่าเราก็ไม่ได้อยากทำงานประจำด้วยนะ ก็เลยลองดู ยากหน่อย อดหน่อย ก็เรียนรู้ไป จริง ๆ เราว่าถ้าเราไปทำงานประจำ เราอาจจะมีมายด์เซ็ต มีวิธีคิดคนละอย่างก็ได้ แต่มองอีกแง่นึงเราก็รู้สึกเสียดายที่ว่า ถ้าเราทำงานประจำมาก่อน เราอาจจะมีคอนเนคชั่นที่กว้างกว่านี้หรือเปล่า จะบอกว่าโชคด้วยก็ได้ เราก็ไม่รู้เพราะอะไรเหมือนกัน มีโอกาสได้ทำงานกับวง ก็ถือว่ายังโชคดีที่ยังมีคนอยากให้ทำงาน
มีศิลปินที่เป็นแรงบันดาลใจในการวาดรูปไหมครับ
จริง ๆ ไม่ได้มีชอบถึงขนาดเป็นไอดอลนะ แต่ก็ชอบดู ชอบศึกษา ริง ๆ สนใจว่าเขาเรื่องไอเดีย ว่าเค้าคิดยังไง เขามีขั้นตอนขบวนการยังไงถึงทำอย่างนี้ ก็ดู แล้วก็ลอกเลียนเขาในช่วงแรก ๆ แล้วก็เริ่มปรับเอาความเป็นตัวเองเข้าไป พอดูเยอะ ๆ มันก็กลายเป็นซึม พอดูเยอะ ๆ ก็ต้องหาวิธีการของเราเอง แต่จริง ๆ ส่วนมากเราก็ไม่ค่อยเป็นแนวเดียวสักเท่าไหร่ มันยังมีความกระโดดอยู่ เดี๋ยวไปทำดาร์กบ้าง สดใสบ้าง ด้วยความเป็นตัวเราเองชอบทดลองทำอะไรใหม่ ๆ
นอกจาก The Devil Wears Prada, Carnifex ตอนหลังวงอื่น ๆ แต่ละวงติดต่อเข้ามายังไงกันครับ ทำไมถึงมากันเยอะขนาดนั้น
ไม่รู้เลย ก็คงจะทางโซเชียลมีเดีย เพราะว่าตอนแรกที่เริ่มทำงานระบบค่ายจริง ๆ ก็น่าจะ Warner ที่อเมริกา จะเป็นฝั่งเพลงสายหนัก แต่ก่อนของ Warner น่าจะได้ทำปกรวมเพลงของ Roadrunner Records ดีใจมาก ๆ แต่ก็ยังงง ๆ หน่อยว่าเราจะต้องทำยังไงให้มันดี แต่ก็ต้องไปแข่งขันกับคนอื่นอีก

ตอนแรก ๆ มันก็ดีใจนะ แต่ก็กดดันเหมือนกัน กดดันที่ว่าเราจะทำยังไงให้มันดี ให้มันรู้สึกว่าคู่ควร แต่มันก็ขึ้นอยู่กับทั้งเวลา โอกาส หรืออะไรหลาย ๆ อย่าง บางทีเราก็ไปคาดหวังไม่ได้ แต่ก็จะทำให้ดีที่สุด ช่วงนั้นพอเราได้ทำวงที่มีระดับ เขาก็คงเห็นว่าเราทำได้ เขาก็เลยคุยกัน แล้วได้มาทำ Slipknot มันจะมีงานอยู่ 2 ประเภทนะ งานที่ค่ายติดต่อมาโดยตรง กับพวก Merch บริษัทที่ดูแลสินค้าเกี่ยวกับวง

ตั้งแต่ที่ทำงานมา ชิ้นไหนทำยากที่สุด?
เราว่ามันยากตรงเรื่องเวลา บางงานเวลามีน้อย บางงานให้ 3 วัน แรก ๆ มันก็เครียด แต่หลังๆ เราก็รู้สึกว่าเราก็แข่งกับคนอื่นอยู่ บางทีมันก็คอยตบตีตัวเองว่าจริงจังได้แต่ก็อย่าไปเครียดมาก แต่บางทีมันก็อดไม่ได้ทำงานพวกนี้ มันก็มีเครียด คิดไม่ออก เราก็พยายามเรียนรู้ตรงนี้ว่ามันก็มีความธรรมดาของมันนะ งานไหนพลาดบ้าง มันก็ได้
งานที่ไม่จำกัดเวลา แล้วเรารู้สึกว่าทำนานที่สุดมีไหมครับ
ก็มี A Perfect Circle มีเวลาเยอะประมาณ 2 อาทิตย์ เหมือนเป็นงานที่คิดออกตั้งแต่แรกแล้วก็ทำแบบราบรื่น ไม่มีอะไรสะดุดเลย ก็เลยรู้สึกว่าชอบ ทำสบาย ๆ

งานแต่ละชิ้น มีการโยนคอนเซปต์มาให้ไหมครับ
บางทีถ้าเขาต้องการอะไรมาเลยก็ต้องตามลิสต์เขา แต่ถ้าเขาโยนมาว่าประมาณนี้ ห้ามอันนี้ ห้ามกระโหลก ห้ามเลือดสาด ก็มีอย่างนี้มาอยู่ แต่จริง ๆ ก็เหมือนซื้อหวยนั่นแหละ เดาใจศิลปิน บางทีเราคิดว่างานนี้น่าจะโดนน่าจะเข้ากับวง แต่ก็ไม่เข้าก็มี เยอะเลย ฮ่า ๆๆ
มีงานที่ผ่าน และไม่ผ่านเยอะมากไหมครับ
อย่างวง Muse, Halestrom, Kid Rock วงอะไรที่อยู่ในค่ายเดียวกัน เรามีสิทธิ์จะได้ทำหมดเลย แต่มันก็ขึ้นอยู่ที่เราจะสู้รบได้หรือเปล่า อย่างวง Muse นี่ก็รู้สึกว่าไม่น่าจะผ่าน ทำก็เยอะเหมือนกันนะ อย่างบริษัทที่ดูแลของ Slayer เค้าถือของ Mastodon, Ghost, Rob Zombie, Tool ก็จะมีวงที่เขาคอนโทรลอยู่อะ ถามว่าเรามีสิทธิ์จะได้ทำไหม มีสิทธิ์จะได้ทำ แต่ว่าเขาก็ดูความเหมาะสม งานใครเหมาะ เราได้ทำ Rob Zombie บ่อย ก็ผ่านบ้างไม่ผ่านบ้าง แต่เร็ว ๆ นี้อยากทำวง Ghost มาก แต่ตอนนี้คิวเยอะเหลือเกิน เพราะว่าคนที่ทำงานให้ Ghost เยอะมากเลยที่เป็นขาประจำ เราก็ยังไม่มีจังหวะลงเข้าไปแทรก อย่าง Lamb of God ก็ไม่ผ่าน

การทำงานระหว่างคนไทยกับต่างประเทศต่างกันไหมครับที่เจอมา
จริง ๆ เราว่ามันก็ไม่ต่างกันนะ
ผลงานออกไปแล้วมีชาวต่างชาติมาติดตามผลงานเยอะไหมครับ
จริง ๆ พอได้ทำงานกับวงที่ค่อนข้างมีชื่อเสียง มันก็เป็นข้อเสียเหมือนกันนะ มันเหมือนเป็นดาบสองคม ที่ว่าวงเล็ก ๆ ก็ไม่ค่อยกล้าเข้ามาจ้าง คิดว่าราคาสูง ก็เข้าใจได้ว่าวงที่เพิ่งเริ่ม กับวงที่ทำมา 20-30 ปี สถานะมันก็ต่างกันอยู่แล้ว แต่ก่อนทำวงเล็ก ๆ มันก็สนุกดีนะ เงื่อนไขมันน้อย อย่างวงใหญ่ ๆ บางทีมันไปบิดอะไรมากไม่ได้ เขามีโครงสร้างอยู่แล้ว มีไดเรกชั่นของเขา อย่างให้ไปเขียนรูประฆัง Hells Bells ของ AC/DC ถามว่าตอนแรกตัวงานมันมีปีศาจอยู่ แล้วก็ตัดของเราออก ตอนทำคุยกันดีมาก พอไปพิมพ์จริงบอกว่าวงไม่เอา เราก็เลยเข้าใจว่าบางวงก็มีไดเรกชั่นเราก็ไปทำอะไรมากไม่ได้ ยิ่งวงใหญ่ ๆ บางวงก็มีข้อจำกัด
มีทำงานให้วงไหนจนสนิทกับศิลปินไหมครับ
ไม่ค่อยเลย ไม่ค่อยได้คุยกับศิลปินเลย มีที่ทำบ่อยสุดก็จะมีมือกลองวง Psycroptic สนิทกับมือกลอง เพราะว่ามือกลองมาขอให้วาดรูปกระต่ายไปให้วันเกิดแฟน เป็นกระต่ายที่เลี้ยงมาแล้วตาย วันนั้นวันเกิดแฟนก็เลยให้วาดรูปกระต่ายที่เสีย ฮ่า ๆๆ มุ้งมิ้งไหม มือกลองวงเดธ แต่เลี้ยงกระต่าย

นอกจากทำผลงานลงเสื้อ โปสเตอร์ แล้วทำผลงานลงอย่างอื่นไหมครับ
ส่วนมากก็มีแบรนด์สเก็ตบอร์ด แบรนด์ของไทยชื่อ Dreg Skateboard แล้วก็ Grit Skateboards ที่อเมริกา ก็มีวง Dreams of Mad Children จริง ๆ เราทำ Artwork แล้วแต่ว่าเขาจะเอาไปทำอะไร
ในการออกแบบงาน มีวงไหนที่ไม่ได้ฟังไหม
เยอะ อย่างทำล่าสุดวงฝรั่งเศส วง Molybaron ก็ได้ฟังมาจากตรงนั้น ก็หลายวงเหมือนกัน

โดนสั่งแก้งานบ่อยขนาดไหน
ไม่ค่อยมี เหมือนว่าเขาไม่ได้มาโฟกัสว่ามันเป๊ะไหม แต่ว่าขั้นตอนงานเรามันแค่ส่วนหนึ่งของทัวร์ มันต้องส่งโรงพิมพ์เพื่อที่จะพิมพ์ ถ้างานมันได้แล้ว ก็คือเขาไม่มาสนใจแล้ว
มีวงไหนในใจไหม ที่อยากออกแบบแล้วไม่ได้ทำ
ตอนนี้อยากทำ Deafheaven เพราะว่าเพิ่งไปดูคอนเสิร์ตมา แล้วก็แบบทำไมมันรู้สึกดี ซาวด์ดี
แล้วงานที่ชอบสุดงานคืองานไหนครับ
จริง ๆ ก็ชอบหมดนะ แต่ถ้าถามว่าชิ้นไหนมันมีเรื่องราวมันก็โอเค งานอื่นไม่เคยขายหมดเลย ก็มี A Perfect Circle คิดอยู่จะไปปล่อยที่ไหนดี
วงที่พีคสุดคือวงอะไร
แน่นอนอยู่แล้วต้องวง Slayer นี่คือวงเปิดโลก

ร่วมงานกับศิลปินไทยวงไหนบ้างครับ
ก็มีวงไทย วง Silent Shore ที่รู้สึกภูมิใจตอนนี้น่าจะเป็นวง Annalynn เขาส่งเพลงให้เราฟัง เราตกใจมาก ทำได้ถึงขั้นนี้แล้วเหรอ ตัวเพลงแบบคิดได้ขนาดนี้แล้วเหรอ นี่เป็นวงที่เป็นแบบการเรียนรู้ของทุกวง ให้วงนี้เป็นตัวอย่างวงที่ดี เป็นแบบอย่างให้วงสายหนักในบ้านเรา

แล้วก็มีวง Tragedy of Murder, In Vein, Dreams of Mad Children, Upper Cut ประมาณนี้


ทุกวันนี้คติการทำงานของพี่คืออะไร
ไม่ค่อยมีนะ แต่เราต้องทำงานให้ดีตามที่เงื่อนไขกำหนด ก็ทำให้ดีที่สุด งานไม่ได้ขึ้นกับทั้งหมด มันอยู่กับไทม์ไลน์ของเขา เขามีทีมงานของเขา เราไม่ได้ทำงานเดี่ยว เขาไม่ได้มารอเราคิดออก ทำไม่ได้หรอก ถ้าได้โอกาสทำงานด้วยเงื่อนไขอะไรก็คงทำให้ดีที่สุด ก็คงมีแค่นั้น
เคยมีจุดท้อที่สุดไหมครับ
มี ทุกวันนี้ก็ท้ออยู่ มันมีเรื่อย ๆ นะ เราว่าคนมันจะเจอเรื่องดี ไม่ดี เราว่ามันเป็นแบบนี้ เราไม่มีทางหนีมันได้หรอก
ตอนนี้เล่นดนตรีอยู่ไหมครับ
ไม่ได้เล่นเลย เล่นขำ ๆ เสียดายเหมือนกัน ทำวงดนตรีมันยาก มันเป็นเรื่องแบบ เห้ยอยากเล่น มาเล่นกันเถอะ กว่าจะซ้อม แบบว่ายาก ถ้าให้กลับไปทำก็ทำได้ แต่ก็ทำด้วยเหตุผล จะทำสนุกก็ได้ ทำจริง ๆ จัง ๆ ก็ได้ ทำงานแบบผู้ใหญ่
ขอบคุณพี่ Namsing มาก ๆ สำหรับการสัมภาษณ์ในครั้งนี้ครับ
ขอบคุณทาง Headbangkok มาก ๆ เช่นกันครับ
นี่คืออีกหนึ่งความภาคภูมิใจของคนดนตรีเมทัลไทยที่ได้อวดฝีไม้ลายมือจนผลงานเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก สามารถเข้าไปชมผลงานเพิ่มเติมได้ที่ Namsingillustrat ครับ


Owner, Co-Founder and Writer of Headbangkok
Vocalist : Tragedy of Murder