ไบรอัน “เฮด” เวลช์ มือกีตาร์วง Korn และฟรอนต์แมนวง Love and Death ร่วมงานกับเว็บไซต์ Loudwire ในฐานะคอลัมนิสต์ คอลัมน์นี้มีชื่อว่า “HeAd’s KoRner” ในตอนล่าสุดนี้เขาได้พูดถึงการได้พบเจอกับทิม แลมบีซิส ฟรอนต์แมนของ As I Lay Dying ที่เพิ่งถูกตัดสินจำคุกหกปีจากคดีการจ้างวานฆ่าภรรยาตัวเองเอาไว้ด้วยครับ รวมถึงอดีตอันเลวร้ายที่เคยเกิดขึ้นกับชีวิตเขา อ่านได้ด้านล่างครับ
บทความตอนนี้มีชื่อว่า…
Taking a Look In the Mirror
มันเกิดขึ้นในปี 2000 ผมอยู่ในห้องที่โรงแรมกับเพื่อนบางคนในวง แล้วก็เพื่อนอีกหลายคน รวมถึงทีมงานของ KoRn ด้วย เรามี 8-ball หรืออาจจะเป็นโคเคนสองห่ออยู่บนโต๊ะ หน้าของทุกคนมันมาก และผลจากการอัดโค้กกันในคืนนั้นก็มาเต็มด้วยบทสนทนาสุดดราม่า และเรื่องราวเลวร้ายในชีวิตถูกปล่อยออกมาจนหมด
ในตอนนั้นผมกำลังจะเข้าสู่ขั้นตอนการหย่าร้างที่น่ารังเกียจ ไม่กี่เดือนก่อนหน้านั้น ภรรยาของผมถามผมว่าจะพาแฟนใหม่ของเธอกับเพื่อน ๆ ของเขาย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านได้ไหม ในตอนนั้นผมเต็มไปด้วยความโกรธ, เดือดดาล, เศร้า, ขมขื่น และแค้นด้วย พูดตามตรง ผมอยากให้พวกเขาตาย ทุก ๆ สิ่งที่ผมทำน่ะ ผมหมายถึงว่า “ผมเป็นร็อกสตาร์ชื่อดัง” พวกเขาเป็นใครถึงมาทำกับผมแบบนี้? ปัญหาที่ผมมีต่อทุก ๆ สิ่งก็คือผมไม่เคยมีแนวคิดที่จะทำร้ายใคร ผมไม่เคยโกรธจนกลายเป็นคนที่ชอบทำลายล้าง ผมต้องออกไปดื่มให้ตัวเองกล้าพอที่จะลุกขึ้นมาแก้แค้นภรรยาของผมและผู้ชายคนนั้นที่ทำลายชีวิตของผมในตอนนั้น
มันมีปัจจัยอื่นที่ทำให้ผมสับสนด้วย… ความกลัว แฟนใหม่ของภรรยาผมกับเพื่อนของพวกเขาเป็นคนขาวที่เย่อหยิ่ง รู้กันดีว่าพวกนี้เป็นพวกชอบใช้ความรุนแรงโดยไม่คำนึงถึงผลที่ตามมา ผมกลัวว่าถ้าผมทำการล้างแค้นไป ลูกสาวและเพื่อนสนิทของผมจะตกอยู่ในอันตรายไปด้วย
แต่คุณรู้มั้ย … ผมมีปัญหาทางด้านอารมณ์ที่ไม่รู้จะจัดการกับตัวเองยังไง และทั้งหมดที่ผมทำได้ในการจัดการกับความเกลียดชังและความเจ็บปวดก็คือใช้เหล้าและเสพโคเคนอย่างต่อเนื่องเพื่อทำให้ผมกลายเป็นคนที่เย็นชา นั่นมันนำพาผมไปสู่บนสนทนาในคืนนั้นที่โรงแรม ตอนที่เรากำลังอัดโค้กกัน
หนึ่งในทีมงานของวงเราในห้องโรงแรมกับผมวันนั้นเป็นคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับพวกแก๊งนักเลงมาก่อนโดยเคยอยู่ในตำแหน่งที่สูงเสียด้วย ผมประหลาดใจมากจนตาแทบถลาออกมา ผมถามเขาว่า “จะทำยังไงได้บ้างให้เมียฉันกับแฟนใหม่มันได้เจ็บ หรือไม่ก็เอาแบบแย่ที่สุดไปเลย?”
บางทีคำถามนี้มันอาจจะเกิดขึ้นเพราะผมมีโค้กอยู่ในร่างกาย ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ในตอนนั้นผมกล้าพูดตรง ๆ ว่าผมอยากจะจ้างใครซักคนมาฆ่าภรรยากับแฟนใหม่ทิ้งเสีย ในความคิดผมตอนนั้นภรรยาผมช่างไร้ค่า และผมรู้สึกว่าเธอสมควรได้รับการลงโทษครั้งใหญ่จากสิ่งที่เธอทำลงไปกับลูกสาวและกับผม ภายในใจของผมได้ฆ่าเธอไปเรียบร้อยแล้ว
ย้อนกลับมาดูตัวเองวันนี้ ผมขอบคุณตัวเองมากสำหรับสิ่งที่ออกมาจากปากไอ้คนนั้น เขามองตาผมด้วยสีหน้าแบบโคตรจริงจังแบบที่ผมไม่เคยได้รับมาก่อน แล้วพูดว่า
“เฮด ถ้านายข้ามเส้นนี้มา นายจะไม่มีวันกลับไปได้อีก”
ผมรู้ว่าชายคนนี้เคยเห็นและผ่านอะไรมาบ้าง เรื่องราวทั้งหมดมันออกมาจากใบหน้าของเขา; ความรุนแรงไม่ได้สิ่งที่ผมต้องการ และสิ่งที่ผมต้องการจริง ๆ คือการไปต่อในแบบของผมและใส่ใจเพียงแค่ลูกสาวเท่านั้น
ผมขอบคุณมากที่เขาไม่ได้ราดน้ำมันลงบนกองเพลิงแห่งความเกลียดชังที่กำลังเผาไหม้ในตัวผม จะเกิดอะไรขึ้นถ้าผมเห็นแก่ตัวและพยายามและจ่ายเงินจำนวนมากเพื่อทำให้ผมหลงไปกับมัน? จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเขาแนะนำให้ผมฆ่าภรรยาเหมือนกับที่ทิม แลมบีซิสพยายามจะทำ? จะเกิดอะไรขึ้นในจุดต่ำสุดของผม อ่อนแอที่สุดของผมในวันที่ผมเมาโค้ก ถ้าเกิดว่าผมยอมจ่ายเงินเพื่อหาคนมาฆ่าภรรยาและแฟนของเขา? จะเกิดอะไรขึ้นถ้าคนร้ายทำพลาดแล้วก็ยอมบอกกับตำรวจเพื่อแลกกับบางสิ่งบางอย่างที่ทำให้เขาหลุดพ้นจากปัญหาที่เกิดขึ้น?
ผมอยู่ในสถานการณ์ที่คล้ายกับทิม แลมบีซิสมาก
ผมแทบไม่ต่างจากเขาเลย ผมไม่คิดว่าใครในพวกเราจะเป็นแบบนี้ เราทุกคนมีความสามารถในการเลือกตัวเลือกที่ดีในสถานการณ์ที่มันหนักหนาแบบนี้ บางคนสามารถเลือกได้แค่ทางเดียวและคนอื่น ๆ สามารถเลือกทางอื่นได้ บางคนรับมือได้มากกว่าหรือน้อยกว่าคนอื่น แต่ทุก ๆ คนมีจุดแตกหักแน่นอน – โดยเฉพาะถ้ามันมีเรื่องอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
ตอนที่ผมทราบข่าวว่าทิม แลมบีซิสถูกจับ ผมมึนไปเลยเพราะภาพเก่า ๆ ในวันที่ผมตกอยู่ในด้านดำมืดกับการหย่าร้างมันย้อนกลับมาทันที ผมพยายามจะไปพบทิมด้วยวิธีที่ถูกต้อง แต่มันก็ไม่เวิร์ก ผมรู้สึกกลัวมากว่าภรรยาของเขาจะรู้สึกช็อกและกลัวแค่ไหนตอนได้ทราบข่าวนี้ แต่หัวใจของผมเป็นห่วงทิมมากกว่าเพราะผู้คนมากมายต้องการฆ่าเขา แต่ไม่ใช่ผมและทีมงานของผม
เราเชื่อในโอกาสที่สอง, สาม หรือแม้แต่โอกาสที่ร้อย ถ้าจะสามารถคว้าไว้ได้ ผมหมายถึงว่าเราได้รับโอกาสใหม่ ๆ นับไม่ถ้วน แล้วทำไมทิมถึงไม่ได้? เขาเป็นคนธรรมดา ๆ คนนึงที่จมดิ่งลงไปในความดำมืด สับสน ว่างเปล่า เขาต้องการพวกพ้องเพิ่ม ไม่ใช่ศัตรู
ผมไปเล่นโชว์ที่เท็กซัสในหนึ่งเดือนก่อนหน้าที่เขาจะถูกจับ และเราก็ได้ออกไปแฮงเอาต์ด้วยกันทั้งกับทิมและคนอื่น ๆ ใน As I Lay Dying หลายนาทีอยู่บนรถบัสของพวกเขา ผมไม่ได้สนิทกับพวกเขานัก แต่เราก็เคยออกไปทัวร์ร่วมกันหลายครั้งแล้วก็มีเพื่อนที่รู้จักร่วมกันด้วย อย่างที่คุณเห็นแหละ ทุกสิ่งทุกอย่างมันใกล้ตัวผมมากจริง ๆ พวกเขาเป็นคนที่เจ๋งมากจนผมจินตนาการในหัวไม่ออกว่าอะไรทำให้ทิมทำแบบนั้นลงไป
ในที่สุดผมก็ได้ไปพบกับทิมในสองสามเดือนก่อนที่บ้านของพ่อแม่เขา เขาถูกกักบริเวณในบ้านเท่านั้น ผมกับเด็กของผม ‘ไรอัน ไรส์’ จาก The Whoseevers พาทิมกับแฟนของเขาไปกินอาหารเม็กซิกันด้วยก็พูดคุยกัน ทิมทั้งยากจน, สำนึกผิดและเคลียร์ทุกสิ่งทุกอย่างในหัวออกหมดแล้ว และทั้งทิมกับแฟนของเขาก็ให้กำลังใจเรา เหมือนที่เราทำกับพวกเขา นอกจากนี้เรายังเล่นอะไรสนุก ๆ เหมือนในหนัง Dumb & Dumber กับพวกเขาด้วย นั่นก็เพราะมันสนุกนั่นแหละ
ผมบอกเรื่องนึงกับทิมซึ่งมันก็ฟังดูแปลกประหลาด ผมรู้สึกตื่นเต้นกับอนาคตของเขา ผมเห็นพระเจ้าสร้างความงดงามออกมาจากกองขี้เถ้าอยู่หลายครั้ง และผมก็เฝ้ารอที่จะได้เห็นสิ่งดี ๆ เกิดขึ้นจากสถาะที่น่ากลัวเช่นตอนนี้ ความงามที่เกิดขึ้นจากสถานการณ์ที่น่าเกลียดที่สุดเป็นหนึ่งในปาฏิหาริย์ที่ผมเฝ้ารอจะได้เห็นด้วยตัวเอง มันเป็นข้อพิสูจน์ว่าพระเจ้ายังคงรักและไม่เพิกเฉยต่อมนุษย์ ไม่ว่าเราจะตกต่ำแค่ไหนก็ตาม
มาพยายามและส่งความรู้สึกเชิงบวก รวมถึงสวดภาวนาเพื่อทิม, เมแกน และสถานการณ์เหล่านี้ทั้งหมด และเฝ้ารอคอยดูสิ่งสวยงามที่กำลังก่อตัวขึ้นจากกองขี้เถ้ากองนี้
ที่มา – Loudwire

ผู้ร่วมก่อตั้ง และอดีต บก. Headbangkok.com