สมาชิกหลายคนในวง Lostprophets นั้นรู้จักกันมาตั้งแต่ตอนยังเป็นเด็กน้อย นั่นทำให้เรื่องราวการตัดสินจำคุกเอียน วัตกินส์ นักร้องนำของวงเป็นเรื่องที่น่าปวดใจเป็นอย่างมาก และในบทสัมภาษณ์ล่าสุดของไมค์ ลูอิส และลี เกซ สองมือกีตาร์ของวงก็บอกกับ The Sunday Times ว่าเขาทั้งสองนั้นไม่มีความคิดที่จะกลับไปคุยกับวัตกินส์อีกเลยแม้แต่น้อย
เอียน วัตกินส์ถูกตัดสินจำคุกไปเมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้วจากคดีอนาจารในเด็ก ครอบครองภาพอนาจาร และการพยายามข่มขืนทารกวัย 11 ปี เขาถูกตัดสินจำคุกนานถึง 29 ปี
ลูอิสนั้นเป็นเพื่อนกับวัตกินส์มาตั้งแต่เป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนกันตอน 5 ขวบ บอกว่า:
“ผมคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้มาอย่างหนักและนานมาก – และผมไม่มีความคิดที่จะกลับไปคุยกับเขาอีกแม้แต่นิดเดียว ผมรู้สึกแย่แทนแม่และครอบครัวของเขาเกี่ยวกับความอัปยศที่พวกเขาจะต้องแบกรับไว้ แต่ผมไม่คิดที่จะไปตั้งคำถามเรื่องนี้กับเขาหรอกนะ ไม่มีวัน”
“ผมพยายามอ่านคำตัดสินของศาล – ผมทนอ่านมันจนจบไม่ได้ ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเขาสามารถทำเรื่องพวกนี้ได้ แต่เขาก็ทำไปแล้วจริง ๆ ผมไม่เข้าใจมันเลย”
ทางด้านเกซนั้น ไม่ได้สนิทกับวัตกินส์มายาวนานขนาดนั้น เขาให้สัมภาษณ์เอาไว้ว่า:
“เขามันเป็นคนขี้ขลาดอยู่นิด ๆ – ไม่ใช่พวกนักเลง ไม่ว่าจะในความหมายใดก็ตาม การต้องเข้าไปอยู่ในคุกในฐานะสมาชิกวงร็อกพร้อมกับคดีพวกนั้น ผมเป็นกังวลจริง ๆ แต่ความคิดผมก็ดำเนินมาจนถึงจุดที่ไม่พอใจด้วย”
เกซบอกว่า วัตกินส์พยายามจะทำให้ทุกคนในวงเชื่อว่ามีคนพยายามจะแก้แค้นเขา ก็เลยจัดฉากกุเรื่องนี้ขึ้นมา”
“เขาพยายามสร้างเครือข่ายของคน โยงผู้หญิงพวกนี้เข้าด้วยกัน แล้วมันก็จะออกมาดูเป็นไปได้ที่หนึ่งในสองคนนี้จะเกลียดเขามากก็เลยจัดการกับเขาซะ”
ลูอิสพูดถึงตอนที่ทางวงไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับเรื่องนี้จนกระทั่งการจับกุมเกิดขึ้น ลูอิสบอกว่า:
“ผมไม่อยากจะเชื่อเลย ผมคิดว่ามันคงมีอะไรอีกเยอะ – การติดยา, เรื่องผู้หญิง แต่ผมไม่เคยอยากจะเชื่อว่าเป็นเขา ข้อสันนิษฐานแรกของผมคือมันอาจจะมีอะไรผิดผลาด … เขาเป็นคนที่ลึกลับมาก ๆๆๆ กับเราเกี่ยวกับเรื่องผู้หญิงที่เขาเจอและทุก ๆ อย่างเกี่ยวกับความสัมพันธ์ที่เขามี”
และหลังจากที่ทางวงไม่ได้อัพเดตข่าวคราวการเคลื่อนไหวอะไรเลยมาเป็นเวลานาน รายงานล่าสุดเมื่อไม่นานมานี้ก็เผยให้ได้ทราบกันว่าสมาชิกคนอื่น ๆ ของ Lostprophets ยังคงมองหาอนาคตในวงการดนตรีกันต่อ โดยได้รับความช่วยเหลือจากเจฟ ริกลีย์ ฟรอนต์แมนวง Thursday ควบคู่ไปด้วย
ก็ต้องมาติดตามกันต่อไปครับ
ที่มา – Loudwire

ผู้ร่วมก่อตั้ง และอดีต บก. Headbangkok.com