ไม่แน่ใจว่าหลาย ๆ คนจะพอทราบสาเหตุการแยกทางของ Jason “Jay” James กับวง Bullet For My Valentine กันมามากน้อยขนาดไหน เพราะล่าสุด Jason ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับทางรายการ “Drinks With Johnny” ของ Johnny Christ มือเบสวง Avenged Sevenfold ถึงสาเหตุที่ออกจากวง ซึ่งเจ้าตัวบอกว่านี่เป็นการเปิดเผยครั้งแรกอีกด้วย
“มันยากนะที่จะพูดถึงเรื่องนี้ ผมขอพูดตรง ๆ เลยแล้วกันนะ”
“หลังจากที่เรื่องราวเล็กน้อยทั้งหมดได้เกิดขึ้นมา สิ่งที่ผมสามารถบอกได้คือทุก ๆ คนปาร์ตี้อย่างหนักหน่วง ทุก ๆ คนดื่มกัน และทุก ๆ คนก็ชอบที่จะดื่มกันซะด้วย”
“แล้วปัญหาที่แท้จริงของผมมันก็เริ่มต้นจากแอลกอฮอล์นี่เลยครับ”
“ผมมันเป็นพวกนักดื่มตัวยง แล้วผมก็ได้เอาตัวเองเข้าไปสู่ปัญหาบางอย่างที่ผมสร้างไว้กับวงหรือสร้างไว้กับตัวเอง แต่อะไรหลาย ๆ อย่างที่ผมได้ทำลงไป คนอื่น ๆ ก็ทำมันเหมือนกัน”
“แต่ตอนที่ผมกลับมามีสติ ผมกลับไม่สามารถรับมือกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้”
“ทุกสิ่งที่ผมสามารถพูดได้จากในมุมของตัวเอง ก็คือใช่ที่ผมทำตัวเองให้มีปัญหา บางครั้งมันก็มาจากน้ำมือผมเอง และบางครั้งมันก็มาจากน้ำมือของคนอื่น ๆ ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นมันคือวงร็อกแอนด์โรลล์ไง แต่ก็นั่นแหล่ะอย่างที่ผมบอกไปก่อนหน้านี้ว่าผมจะไม่ทำอะไรที่คนอื่นไม่ทำกัน”
“ผมคิดว่าปัญหาใหญ่ของผมมันมาจากแอลกอฮอล์และสิ่งอื่น ๆ ด้วยที่เข้ามา แล้วหลังจากที่ผมออกจากวงมา ผมรู้สึกว่านี่มันคือเรื่องของการสูญเสียเหมือนกันนะ เพราะว่าพวกเขาคือครอบครัว มันทำให้ผมรู้สึกเจ็บปวดไปด้วย แล้วมันยังทำให้ผมไม่กล้าเผชิญหน้ากับความเป็นจริง”
“ผมเคยเป็นนักดื่มตัวยงตอนที่อยู่กับ BFMV แต่มันกลับกลายเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า [หลังจากที่ถูกไล่ออกจากวง] นี่คือสิ่งที่อยู่ข้างในใจผมลึก ๆ เลยครับ”
“ผมรู้จักกับ Moose (อดีตมือกลอง BFMV ปัจจุบันอยู่วง Kill The Lights กับ Jason) มานานมากกว่าใคร ๆ เลย ผมรู้จักกับเขามาตั้งแต่ 3 ขวบ ผมเป็นเพื่อนกับเขามาตั้งแต่ตอนนั้น ส่วนคนอื่น ๆ ผมรู้จักในช่วงวัยรุ่นแล้วครับ นั่นเท่ากับว่าผมรู้จักทุกคนมาทั้งชีวิตเลยครับ”
“ตอนที่เรื่องราวมันเกิดขึ้นคือวันพฤหัสบดี ผมเจอกับเรื่องดังกล่าวซึ่งมันทำให้ผมรู้สึกช็อก และผมไม่อยากให้วันจันทร์มันมาถึงเลยเพราะผมรู้สึกว่ามันยากที่ต้องเผชิญหน้ากับเรื่องนี้ ตอนนั้นผมแค่รู้สึกว่าชิบหายแล้วต้องและกูต้องเจอกับเรื่องแบบนั้นในวันจันทร์หรือวะเนี่ย แต่วันจันทร์ที่ผมพูดถึงกว่าจะมาก็นานถึง 4 เดือน (หมายถึงเหตุการณ์ไล่ออกจากวงไม่ได้มาทันทีตามที่ Jason คิด แต่ดันตามมาหลังจากนั้น 4 เดือน)”
“ผมเอาแต่ขังตัวเองอยู่กับแอลกอฮอล์ในบ้าน สิ่งที่มันเกิดขึ้นกับผมเพราะว่าผมไม่รู้เลยว่าต้องทำอย่างไรดี สิ่งที่ผมทำมาตลอด 10 หรือ 12 ปี มันคือการเล่นเบสบนเวที, ออกทัวร์, จัดการนู่นนี่นั่น และทำอะไรอีกหลาย ๆ อย่าง แล้วจู่ ๆ ก็รูู้สึกว่างเปล่าไปเลย ผมไม่รู้ว่าจะทำอะไรจริง ๆ ดังนั้นคำตอบของผมก็เลยออกมาเป็นแอลกอฮอล์ นั่นคือสิ่งที่ผมทำ มันทำให้ผมควบคุมตัวเองไม่ได้ จนมันได้นำผมไปสู่การช่วยเหลือและบำบัดอาการติดเหล้าจนกลับมามีสติและกลายเป็นผมอย่างทุกวันนี้ครับ”
ทาง Jason ยังได้เผยถึงเหตุการณ์ตอนที่ถูกเชิญออกจากวงไว้เพิ่มเติมดังนี้
“มันมีการประชุมที่ผมเข้าร่วมด้วย และพวกเขาก็พูดถึงเรื่องนี้กัน และหลาย ๆ สิ่งที่กล่าวถึงมันคือเรื่องการดื่มและทุก ๆ อย่าง แต่ผมคิดว่าพวกเขาตัดสินใจกันมาก่อนหน้านี้แล้ว ผมได้รับแจ้งว่าการถูกเชิญออกกำลังจะเกิดขึ้น”
“เรื่องความเมาที่เกิดขึ้นและเรื่องของปาร์ตี้มันก็มาจากพวกเราทุกคน ให้ตายเถอะ”
“ผมคิดว่าที่โดนเชิญให้ออกก็เพราะบางสิ่งที่ผมได้ทำนู่นนี่นั่นลงไป แล้วผมก็เดาว่าพวกเขาน่าจะเคยประกาศเรื่องผมออกจากวงไปแล้ว แต่ผมยังไม่เคยออกมาพูดอะไรเลย นี่คือครั้งแรกที่ผมได้ออกมาพูดครับ”
“คือมันยากที่จะออกมาพูดถึงได้อย่างอิสระและเปิดเผยเพราะมันมีเหตุผลทางกฏหมาย”
“มันไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีกต่อไป มันเกิดขึ้นมานานหลายปีแล้วด้วยครับ”
Johnny ได้ถาม Jason เพิ่มเติมว่าถ้ามีโอกาสอยากจะคุยกับ Matt Tuck และ Michael “Padge” Paget หรือไม่
“การพูดคุยกับ Matt และ Padge คือไม่ครับ มันจะไม่เกิดขึ้น มันไม่เคยมีการพูดคุยใด ๆ นับตั้งแต่ผมออกจากวงมาและไม่มีความพยายามใด ๆ ทั้งสิ้นอีกด้วย จริง ๆ นะครับ”
เราพอจะได้ทราบเหตุผลพอประมาณถึงสาเหตุการออกจากวง Bullet For My Valentine ของ Jason “Jay” James กันแล้ว ซึ่งเอาจริง ๆ ก็ยังค่อนข้างคลุมเครือ เนื่องจากเหตุผลทางกฏหมายที่เจ้าตัวได้กล่าวเอาไว้ ทีนี้เราลองมาย้อนดูบทสัมภาษณ์ของ Matt Tuck ที่พูดถึงการเชิญ Jason ออกจากวงกับทาง Revolver Magazine เมื่อปี 2015 กันบ้างครับ
“พวกเราได้แยกทางกับ Jason มานานแล้วก่อนที่จะทำการประกาศครับ พวกเราต้องการทำให้แน่ใจว่าพวกเรารู้สึกโอเคที่ได้ตัดสินใจลงไป และรู้สึกสบายใจที่ได้ประกาศออกไปสู่สาธารณะ พวกเราต้องการทำอัลบั้มให้เสร็จก่อนที่จะพูดในทุก ๆ สิ่งครับ”
“มันเป็นเรื่องที่ยากกว่าที่อะไรที่เราเคยทำมากันเลยครับ มันไม่ใช่เพียงแค่เรื่องของในวงหรือเรื่องของอาชีพเรา แต่มันคือการใช้ชีวิตของพวกเรา มันแย่มากเลยกับการสูญเสียสมาชิกวงที่อยู่ด้วยกันมาตั้งนาน และเขายังเป็นเพื่อนที่ดีของเราด้วย ซึ่งสิ่งที่สำคัญกว่าสำหรับพวกเรา มันคือช่วงเวลาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังอย่างที่เราไม่เคยได้เจอมาก่อน มันเป็นการตัดสินใจที่เราใช้เวลาไตร่ตรองมานานถึง 3 เดือน พวกเราได้พยายามต่อสู้หาเหตุผลที่ถูกต้องเพื่อให้เขาได้อยู่ในวงต่อ แต่สุดท้ายแล้วมันก็เป็นไปไม่ได้”
“ผมจะขอไม่ลงดีเทลนะครับ”
“สิ่งที่เกิดขึ้นมันเป็นอันตรายกับทางวงและมันจะต้องหยุดลง และมันก็คาดไม่ถึงที่จะต้องเดินทางมาถึงจุดที่ต้องพอซักที และพวกเราก็แค่ต้องตัดสินใจครับ”
“เบื้องหลังเลย พวกเราต้องก้าวผ่านความรู้สึกทุกข์เล็กน้อย นอกเหนือจากนั้นกับสิ่งที่วงรู้สึกเป็นห่วงทุก ๆ อย่างมันก็ดันเป็นไปได้ด้วยดี พวกเราได้เขียนเพลงที่ดี และอารมณ์เหล่านั้นมันอาจจะช่วยให้ดึงความซาบซ่าออกมาในอัลบั้มได้ คุณรู้ไหม? มันดีนะที่มีอารมณ์ดราม่าภายในวง บางครั้งมันก็สามารถช่วยในกระบวนการครีเอทีฟได้เหมือนกัน”
สำหรับ Jason ออกจากวงไปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปี 2015 ในระหว่างที่ทำอัลบั้ม “Venom” โดยทางวงได้ตัวของ Jamie Mathias เข้ามาประจำการแทนในเดือนพฤษภาคม 2015 และอยู่ยาวมาจนถึงปัจจุบัน
Jason “Jay” James ได้กลับมาร่วมงานกับ Michael “Moose” Thomas อีกครั้งในวง Kill The Lights เมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว
ที่มา : blabbermouth

Owner, Co-Founder and Writer of Headbangkok
Vocalist : Tragedy of Murder