วงดนตรีจากยุคนูเมทัลมากมายหลายวงที่ได้สร้างผลงานเพลงจนเป็นที่จารึกมายาวนานทุกวันนี้ ไม่ว่าจะเป็น “Wait And Bleed” ของ Slipknot, “Last Resort” ของ Papa Roach, “My Own Summer (Shove It)” ของ Deftones หรือ “Blind” ของวง Korn ซึ่งรวมไปถึง “Dig” ผลงานเดบิวต์ของวง Mudvayne ด้วยเช่นกัน

“Dig” ถูกรวมอยู่ในอัลบั้ม L.D.50 ซึ่งเป็นอัลบั้มแรกของวงด้วยเช่นกัน MV ถูกเผยแพร่เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2000 ซึ่งมันมาพร้อมกับ 4 สมาชิกที่อยู่ภายใต้การเมคอัพหน้าตาที่แปลกประหลาด นี่คือจุดดึงดูดสายตาอย่างแรกที่ทำให้ทุกคนต้องหยุดดู การแอคชั่นของศิลปินก็คล้ายกับกลุ่มคนเสียสติ โดยภาพทั้งหมดที่เราได้เห็นมาจากฝีมือกำกับของ Thomas Mignone ผู้เคยฝากผลงาน MV เพลง “Roots” ของ Sepultura และ “Wait And Bleed” ของ Slipknot มาก่อน

แต่ที่เหนือไปกว่านั้นคือดนตรีที่เต็มไปด้วยความบ้าระห่ำ อัดแน่นไปด้วยอารมณ์ที่โกรธแค้น ซัดกันแบบไร้ความปราณี จุดเด่นคือจังหวะกรูฟที่ประสานริธึ่มได้อย่างลงตัวซึ่งกลายเป็นหน้าที่ของพาร์ตกลอง Matthew McDonough กับกีตาร์ Gregory Arnold Tribbett Jr., ไลน์เบสของ Ryan Martinie ที่ขโมยซีนด้วยท่อนสแลปอย่างดุเด็ดเผ็ดมัน เสียงร้องของ Chad Gray ก็ไม่น้อยหน้ามีจังหวะร้องสำรอกรัว ๆ ไม่รู้เอาเวลาไหนไปพักหายใจหายคอ

ส่วนเนื้อหาของเพลงนี้เป็นการพูดถึงอุตสาหกรรมดนตรีที่มองความเรื่องศิลปะและมุ่งเน้นแต่มองเรื่องธุรกิจ แถมยังทำเป็นอวดรู้ว่าอะไรคือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับศิลปิน

แม้จะเป็นเพลงที่มีมุมมองด้านลบต่อวงการดนตรี แต่เพลง “Dig” กลับได้รับความนิยมและถูกพูดถึงจนกลายเป็นเพลงที่ชาวนูเมทัลในยุคนั้นต่างรู้จักกันเป็นอย่างดี อีกทั้งยังส่งผลให้ยอดขายอัลบั้ม L.D.50 พุ่งไปถึง 500,000 ก็อปปี้เฉพาะในอเมริกา

อย่างไรก็ตามเบื้องหลังความสำเร็จก็คงต้องพูดถึงโปรดิวซ์เซอร์ชาวแคนาดานามว่า Garth “GGGarth” Richardson ผู้เคยร่วมงานกับวง Rage Against The Machine และ Testament มาก่อน รวมไปถึง Shawn Crahan แห่ง Slipknot ผู้ผลักดันให้วงเข้ามาสู่วงการ

นี่คือหนึ่งในบทเพลงประวัติศาสตร์ของยุคนูเมทัลที่อยู่ในเพลย์ลิสต์ของใครหลายคนแน่นอน