สารภาพตามตรงว่าไม่ได้เป็นบิ๊กแฟนของ The Temper Trap อินดี้ร็อกตัวแรงจากแดนจิงโจ้วงนี้แต่อย่างใด แต่ไหน ๆ มาไทยแล้วจะพลาดดูมันก็ไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้องแน่นอนเพราะได้ยินชื่อเสียงในเรื่องของการแสดงสดมาว่าสุดพอตัว ก็นั่นแหละครับ ก็เลยพาตัวเองมาจนถึงเมืองไทยจีเอ็มเอ็มไลฟ์เฮาส์สถานที่จัดงานจนได้
งานมีวงเปิดด้วยสองวงคือ electric.neon.lamp กับ Scrubb ซึ่งงานนี้ก็ทำตัวเสเพลไม่ได้เข้าไปดูทั้งสองวงครับ ดูบ่อยแล้ว อีกอย่างหิวด้วยกว่าจะเลิกงานเดินทางมาถึงได้ ก็ต้องขออนุญาตข้ามในส่วนของวงเปิดไปอย่างเลี่ยงมิได้
ความประทับใจแรกในโชว์ของ The Temper Trap คือพวกเขามาพร้อมกับ ‘เพลง’ จริง ๆ แบบที่นอกจากแสงไฟบนเวทีแล้วก็ไม่ได้มีอะไรมาดึงดูดสายตาให้ละออกไปจากสมาชิกทั้งสี่ของวงได้เลย ไม่มีการฉายภาพวิชวลเอฟเฟกต์ใด ๆ ทั้งสิ้น รวมถึงไม่มีจอมอนิเตอร์ยักษ์ให้คนโซนหลังดูด้วย (เพราะฮอลมันก็ไม่ได้ใหญ่ถึงขั้นที่จะมองไกล ๆ ไม่เห็น) พอไม่มีอะไรให้ตาได้เสพมากนัก ก็เลยเป็นเรื่องของหูและความรู้สึกสนุกที่ได้รับจากโชว์ตรงหน้าแทน เปิดงานกันด้วย “Thick as Thieves” ไตเติลแทร็กอัลบั้มใหม่ให้ได้ขยับตัวกันเล็กน้อย ตามมาด้วย “Love Lost” งานจากชุดแรกที่แฟนเพลงรอคอยจะได้ดูสดกันมายาวนาน แล้วก็เป็น “Fall Together” ตามมาด้วย “Fader” ของใหม่สลับของเก่ากันไป แต่ก็ไม่ได้รู้สึกติดขัดอะไรนะครับ เพลิน ๆ ตาม ๆ กันไป
วงถือว่าพูดน้อยเหมือนกันครับ เน้นเอ็นเตอร์เทนด้วยการแสดงสดแทน ด้วยความที่ไม่ได้เสพเพลงสายนี้เป็นหลักเลยรู้สึกเซอไพรส์พอควรว่าเฮ้ยเล่นมันขนาดนี้เลยเรอะ! ตอนเล่นเพลง “Drum Song” พี่ Dougy Mandagi ฟรอนต์แมนหน้าไทยของวงก็มีเคาะกลองโชว์คนดูด้วย ฉากที่ราดน้ำลงหนังกลองแล้วหวดน้ำกระจายนี่เป็นอะไรที่ฟินาเล่มาก เห็นแล้วแทบจะเอากลับไปทำตามในห้องซ้อมกันเลยทีเดียว ถือว่าเป็นโชว์ที่ฉูดฉาดทางเสียงดนตรีมากงานนึงเลยครับ ไม่ต้องเอฟเฟกต์อะไรเยอะ แค่ performance อย่างเดียวก็เอาอยู่! (ยืนอยู่ฝั่งมือเบสพอดี ดูลีลาพี่แกเลื้อยไปเลื้อยมาเพลินมาก ๆ)
นอกจากโชว์จะพีคแล้ว สิ่งหนึ่งที่ทุกคนเห็นพ้องต้องกันว่าเป็น man of the match ครั้งนี้จริง ๆ ก็คือพี่ Dougy นักร้องนำนี่แหละครับ ร้องได้ เล่นดี เอ็นเตอร์เทนถึงลูกถึงคนมากเพราะลงมาเล่นกับคนดูแถวหน้าอยู่หลายต่อหลายครั้ง แถมพลังเสียงก็สูงปรี๊ดแบบที่ยืนดูแล้วก็ทึ่งว่าแกไปเอาพลังมาจากไหนวะเนี่ย อึดจริง ๆ
เพลงปิดท้ายจะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจาก “Sweet Disposition” อันลือลั่นที่เชื่อเหลือเกินว่าคนดูหลายคนในงานน่าจะตั้งใจมาเพื่อรอฟังเพลงนี้เพลงเดียว (เพราะร้องกันลั่นกว่าเพลงอื่น ฮ่า ๆ) ซึ่งโดยส่วนตัวแล้วรู้สึกว่ามันจืดชืดไปนิดหน่อยเหมือนกันเพราะไฮไลท์ของงานอยู่ที่เพลงช่วงก่อนอังกอร์ไปแทบหมดแล้ว แต่ก็ได้ลีลาการเอ็นเตอร์เทนคนดูของพี่ Dougy และความฮิตของเพลงมันนี่แหละที่ช่วยให้เพลงนี้ปิดโชว์ได้สวยทีเดียว แต่แอบขัดใจเล็กน้อยตรงที่ช่วงอังกอร์เด็กอินดี้เค้าสะเปะสะปะกันมาก ไอ้ฝั่งนึงก็ ‘วู้ว ๆๆๆ โว้ว ๆๆๆ’ อีกฝั่งนึงก็ ‘วันมอร์ซอง ๆๆๆ’ ไม่มีการตะโกนชื่อวง ‘เทม-เพอ-แทรป’ อย่างพร้อมเพรียงให้ได้ยินแต่อย่างใด
อ้อ อีกเรื่องนึงคือรู้สึกได้ว่า Dougy นักร้องนำของวงเป็นคนที่พูดทักทายแฟนเพลง “สวัสดีครับ” และ “ขอบคุณครับ” ได้ชัดมาก ชัดแบบสำเนียงฟังแล้วนึกว่าคนไทย อาจจะเป็นเพราะเชื้อสายที่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากบ้านเรามากก็เป็นได้ (เขาเกิดที่อินโดนีเซีย)
ข้อเสียนึงที่อยากบ่นก็คือ ที่จัดงานมันเล็กมากจนไม่รู้ว่าจะแบ่งโซนหน้า-หลังไปทำไม เพราะโซนหลังมันก็ไม่ได้ไกลซักเท่าไหร่เลยสำหรับเมืองไทยจีเอ็มเอ็มไลฟ์เฮาส์ วันหลังถ้าจะจัดที่นี่อีก โซนเดียวไปเลยเถอะครับ ขอ!
เรื่อง: Charlie S.
ภาพ: @paepoets

ผู้ร่วมก่อตั้ง และอดีต บก. Headbangkok.com