ปี 2013 เป็นปีที่มีการสูญเสียเกิดขึ้นมากมาย ทั้งการจากไปของ Jeff Hanneman การประกาศยุบวงของ Motley Crue, Your Demise, The Chariot, God Forbid และ Bleeding Through ซึ่งแต่ละวงที่ว่ามาก็กำลังอยู่ในช่วงวางแผนแฟร์เวลทัวร์ หรือบางวงก็กำลังทำหน้าที่ใน ‘ทัวร์สุดท้าย’ ของพวกเขากันอยู่
Brendan Schieppati ฟรอนต์แมนของเมโลดิกเมทัลคอร์ที่ผ่านโลกมามากแต่ไม่เคยมาไทยอย่าง Bleeding Through ได้โพสต์ข้อความลงบนบล็อกส่วนตัวของเขาเมื่อปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ที่ทำให้ได้รู้ถึงทัศนคติและอะไรหลายอย่างที่เปลี่ยนไป
ทำไมผมถึงฟอร์มวง Bleeding Through ในปี 1999 ขึ้นมา? ผมเริ่มต้นตั้งคำถามกับตัวเองหลังจากที่ผมเริ่มออกทัวร์สุดท้ายของวง ผมตั้งวงขึ้นมาเพื่อให้ผู้คนมาวิจารณ์ดนตรีและภาพลักษณ์ของเราได้ใช่มั้ย? หรือผมตั้งวงนี้ขึ้นมาเพื่อที่จะเห็นแฟนเพลงระดับดายฮาร์ดของพวกเรากลายเป็นคนที่เกลียดวงเราอย่างหนักเมื่อกระแสใหม่ผ่านเข้ามา? ผมตั้งวงนี้ขึ้นมาเพื่อสร้างอาชีพให้เพื่อนผมเห็นการต่อสู้ดิ้นรนของสมาชิกในวงที่หาเงินมาจ่ายบิลนั้นบิลนี้? ผมตั้งวงนี้ขึ้นมาเพื่อเผชิญหน้ากับการตัดสินใจทางธุรกิจที่ทำให้ต้องเสียเพื่อน? ผมตั้งวงนี้ขึ้นมาเพื่อแข่งขันกับวงอื่น เพื่อเถียงบ้าอะไรกันก็ไม่รู้? ผมตั้งวงนี้ขึ้นมาเพื่อที่จะสูญเสียเวลาใช้ชีวิตกับครอบครัวและเพื่อน เพื่อไปใช้ชีวิตบนนถนนตลอดเวลา? ผมตั้วงนี้ขึ้นมาเพื่อเป็นส่วนประกอบเล็ก ๆ ของธุรกิจดนตรี? ผมตั้งวงนี้ขึ้นมาเพื่อจมดิ่งสู่ความกดดัน เก็บมันไว้แล้วแสดงออกทางสีหน้าให้คนข้าง ๆ เห็นว่ามันไม่มีอะไรเกิดขึ้น แถมยังคิดเรื่องลบตัวตนของตัวเองทิ้งอยู่บ่อย ๆ? ผมตั้งวงนี้ขึ้นมาเพื่อยัดอารมณ์ทั้งหมดลงไปกับดนตรี เพื่อภูมิใจกับมัน แล้วก็ให้ผู้คนก่นด่าว่าเขาเกลียดมัน? ผมตั้งวงดนตรีขึ้นมาเพื่อที่จะอดอาหาร แย่งข้าวคนอื่นกิน จ่ายเงินเพื่อที่จะอยู่รอดไปให้ถึงโชว์ต่อไป เพื่อที่จะพบว่างานมันถูกยกเลิก? ไม่! ไม่! ไม่! ผมตั้งวงดนตรีขึ้นมาเพื่อที่จะนอนในรถแวนที่ไม่มีฮีทเตอร์ท่ามกลางฤดูหนาว นอนบนพื้นห้องน้ำหรือไม่ก็ที่จุดพักรถ? คำตอบมันก็คือ ‘ไม่ใช่!’ ยังไงล่ะโว้ย
ผมจะบอกคุณให้ว่าทำไมผมถึงทำวงนี้ ผมเคยเป็นเด็กอายุ 19 ที่เกลียดตัวเองในกระจก มีปัญหาทางด้านการควบคุมอารมณ์ ผมเก็บซ่อนสิ่งนี้จากทุกคน และดนตรีคือสิ่งที่ทำให้ผมได้ปลดปล่อยมันออกมากับเพื่อน ๆ เราเขียนเพลงกันเพื่อที่จะปลดปล่อย ขับไล่อารมณ์ที่มีปัญหาของพวกเราออกไปผ่านทางดนตรี ผมหลงทางและตกต่ำ ไร้ทางออก ผมเขียนปัญหาของผมลงบนกระดาษและคำรามมันออกมาผ่านไมโครโฟน ขับไล่เรื่องแย่ ๆ ออกจากชีวิตเหมือนกระสุนที่ผ่านกบาล นั่นแหละสาเหตุที่ผมทำวงนี้!
ตอนนี้ผมพร้อมแล้วที่จะออกทัวร์ครั้งสุดท้ายในเลกแรกที่ดูเหมือนว่ายังทำได้ไม่ดีพอ แม้จะคิดว่าเราทุ่ม 100% สำหรับแฟนเพลงที่สนุบสนุนเรามาตลอดในช่วงเวลาที่ตกต่ำก็ตามที แต่ผมคิดว่าผมอาจจะไม่ได้ไปเล่นที่เมืองของคุณ และนั่นเป็นเรื่องที่ผมต้องขอโทษ เราออกทัวร์ไปยังที่ที่โปรโมเตอร์ของเราสามารถบุ๊กกิ้งวันสำหรับโชว์ให้เราได้ ง่าย ๆ เลย การที่เราไม่ได้ไปเล่นในบางเมืองก็ทำให้เราเราได้รับคอมเมนต์กลับมาว่า “คุณเป็นวงโปรดของเรา แต่กูจะเผาแผ่นวงมึง”, “ขอบคุณที่ทำให้แฟนเพลงรู้สึกแย่ลง”, “คุณแค่เลือกไปที่ที่ตัวเองได้เงิน?” สิ่งที่ผมจะตอบกลับไปหาพวกเขาเหล่านั้นก็คือ ควย ถ้าเราไม่มีค่าพอให้คุณกับรถหลายไมล์จากต่างเมืองเพื่อมาดูเราเล่นก็ช่างแม่ง เราจะไปเล่นในที่ที่เราวางตารางทัวร์ไว้ต่อหน้าผู้คนที่ใส่ใจในดนตรีของเรา จะเล่นให้หนักและเร็วที่สุดให้เหมือนกับมันเป็นโชว์สุดท้าย เพราะอะไรรู้มั้ย? เพราะมันกำลังจะจบลงแล้ว หวังว่าจะได้เจอกันที่คอนเสิร์ต ถ้าไม่ ผมก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าผมคงนอนไม่หลับ
ผมขอจบด้วยวาทะจาก Paul Rudd ตัวละครจากภาพยนตร์ Forgetting Sara Marshall: “When life hands you lemons say fuck the lemons and bail.”
-Brandan
การโตเป็นผู้ใหญ่นี่ยากนะครับ ความฝันและความสนุกในวัยเด็กพังทลายไปหมดเลยถ้าเกิดว่าอยู่ผิดที่ผิดทาง หรือไม่ปรับทัศนคติที่มีในชีวิต Brendan Schieppati เป็นอีกคนที่พ่ายแพ้ให้แก่ธุรกิจดนตรี จนมาถึงจุดที่ทั้งตัวเขาและวงดนตรีต้องสูญเสียอะไรไปมากมายบนถนนสายเมทัลเส้นนี้
อ่านแล้วนึกถึงบล็อกที่เชน เบลย์วงโอห์, สลีปเปอร์เคยบ่นไว้เกี่ยวกับความยากลำบากในการเป็นวงดนตรี ‘เกือบ’ ดังขึ้นมาเลย
ที่มา – Rise Above Fitness OC’s Blog

ผู้ร่วมก่อตั้ง และอดีต บก. Headbangkok.com