แม้ว่าเพลง “Blind” จะเป็นเพลงที่ใครหลาย ๆ คนมองว่าสร้างชื่อเสียงให้กับวง Korn และเป็นคัมภีร์ของวงดนตรีแนวนูเมทัล แต่ก็เชื่อว่าใครหลายคนก็น่าจะเริ่มรู้จักพวกเขาจากผลงานเพลง “Freak On A Leash” ไม่น้อยเลยเช่นกัน

เพลงนี้ถูกรวมอยู่ใน “Follow The Leader” อัลบั้มที่ 3 ของวง และถูกโปรโมตเป็นเพลงลำดับที่ 5 มันถูกกระจายไปตามสื่อตาม ๆ ในวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 1999 ด้วยรูปแบบ MV ที่ในตอนนั้นทำออกมาได้โคตรล้ำด้วยการใช้อนิเมชั่นมาผสมผสานกับการถ่ายการเล่นสดของวง โดยมีซีนที่ทุกคนจดจำได้เป็นอย่างดีคือลูกกระสุนปืนที่พุ่งออกมาจากโลกอนิเมชั่นทะลุทะลวงสิ่งของต่าง ๆ จนระเบิดกระจัดกระจาย จนสามารถพุ่งไปถึงจุดที่ทางวงกำลังเล่นดนตรีกันอยู่ภายในห้องที่เต็มไปด้วยแสงที่สาดส่องเข้ามาจากรูรอยกระสุนหลายร้อยนัด แต่สุดท้ายโดน Jonathan Davis เป่ากลับไปคืนสู่โลกอนิเมชั่น โดยมีเด็กการ์ตูนผู้หญิง (คนเดียวกับบนหน้าปก) เป็นคนหยุดกระสุนและนำไปคืนตำรวจที่เป็นคนยิงออกมา

MV ของ “Freak On A Leash” ถูกพูดถึงและได้รับคำชื่นชมเป็นอย่างมาก จนสามารถคว้ารางวัล Best Editing และ Best Rock Video จากเวที 1999 MTV Video Music Awards รวมไปถึงยังคว้ารางวัล Best Short Form Music Video จาก Grammy Awards มาครองได้ด้วยเช่นกัน ซึ่งผลงานดีงกล่าวกำกับโดย Jonathan Dayton และ Valerie Faris ผู้เคยฝากผลงานไว้กับวง Oasis, The Smashing Pumpkins, R.E.M., Megadeth และอีกมากมาย

ในส่วนของตัวเพลง “Freak On A Leash” ยังคงเอกลักษณ์ซาวด์ออริจินัลของ Korn ได้อย่างสมบูรณ์แบบทั้งภาคดนตรีที่เต็มไปด้วยบรรยากาศของความหลอนและอึดอัด เสียงร้องสุดเก็บกดที่ระเบิดออกมาด้วยความบ้าคลั่งในท่อน ร้องบีตบอกซ์อิมโพรไวส์ราวกับคนเสียสติของ Jonathan Davis ส่วนแรงบันดาลในการสร้างเพลงนี้ทางสมาชิกวงเคยให้สัมภาษณ์กับทางเวบไซต์ The Fader เมื่อปี 2018 ไว้ดังนี้

Jonathan : “พวกเราร่วมกันทำเพลงในสตูดิโอเล็ก ๆ มีเพียงห้องกับลำโพง PA. ไม่ได้มีอะไรพิเศษ มีแค่เรากับดนตรีเท่านั้น”

Head : “พวกเราอยู่ในช่วงเวลาที่ดี สมาชิกภายในวงไม่ได้มีปัญหาอะไรกัน พวกเรากำลังไต่ระดับขึ้นเล่นในโรงหนัง ได้ไปทัวร์ร่วมกับวงอย่าง Deftones และได้เล่นเปิดให้วงใหญ่ ๆ อย่าง Megadeth, Ozzy อะไรประมาณนั้น แล้วตอนที่พวกเราอยู่ในสตูดิโอก็ไม่ได้มีโปรดิวซ์เซอร์หรือคนคอยบงการมาควบคุม มีแค่เพื่อนที่มาแฮงค์เอาต์กัน มันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงจบกระบวนการอัดเพลงเลย”

Munky : “ ‘Freak on a Leash’ คือเพลงแรกที่เราเขียนก่อนเพลงอื่นในอัลบั้ม”

Jonathan : “เพลงนี้มันเกี่ยวกับวงการดนตรี, วงการบันเทิงทั่ว ๆ ไป – เกี่ยวกับว่ากลไกมันทำงานอย่างไร ทั้งค่ายเพลง, การจัดการ, สื่อสิ่งพิมพ์ และทุก ๆ อย่างที่เกี่ยวข้อง ลองไปดูท่อนที่ร้องว่า ‘Something takes a part of me’ มันเกี่ยวกับที่พวกมันพูดถึงความสนุกในการสร้างผลงานเพลงและการสร้างธุรกิจ”

“คุณลองไปถามใครก็ได้ในวงนะ แล้วจะรู้ว่าผมโคตรเกลียดอุตสาหกรรมดนตรีเลย ผมไม่ต้องการให้ค่ากับแม่ง ผมรักที่จะร้องเพลงและรักที่จะทำเพลงแบบโคตร ๆ ผมไม่สนใจไอพวกอุตสาหกรรมดนตรีเชี่ย ๆ แบบนั้นหรอก ผมรู้ว่าพวกนั้นมันเป็นเรื่องที่โง่เง่า แต่นี่คือวิธีการจัดการของผม ผมได้ตีแผ่มันออกไป เพราะว่าตอนที่วงเราเริ่มดังขึ้นหลังจากอัลบั้ม Life Of Peachy เราเลยได้บัดเจตที่ใหญ่ขึ้นตาม, ผมเลยได้สังเกตว่าสิ่งเหล่านี้มันเป็นกลายเป็นธุรกิจไปหมดแล้ว ต้องคอยทำอย่างโน้นนะ ต้องทำอย่างนี้นะ”

ถึงแม้ว่า Jonathan Davis จะพยายามบอกว่าตัวเขาเกลียดอุตสาหรกรรมดนตรีขนาดไหนแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าพวกเขาก็ประสบความสำเร็จจากสิ่งดังกล่าวเช่นกัน เพราะซิงเกิ้ล “Freak On A Leash” ได้ช่วยให้อัลบั้ม “Follow The Leader” ทำยอดขายทั่วโลกได้มากถึง 5 ล้านกว่าก็อปปี้! แถมยังสามารถขึ้นอันดับ 1 บนชาร์ตบิลบอร์ดของอเมริกาได้ซะด้วย และแน่นอนเพลง “Freak On A Leash” ก็กลายเป็นระดับขึ้นหิ้งของวง Korn ไปด้วยเช่นกัน

ใครที่เริ่มติดตาม Korn จากการชม MV เพลง “Freak On A Leash” ก็เข้ามาแชร์ความคิดเห็นกันได้เลยครับ