บทสัมภาษณ์สองสมาชิกจากเอเวนจ์ เซเวนโฟลด์ — เอ็ม ชาโดว์ นักร้องนำ และซินิสเตอร์ เกตส์ มือกีตาร์ บางส่วนจากนิตยสารเมทัล แฮมเมอร์ฉบับล่าสุด

เกี่ยวกับสถานะของดนตรีเฮฟวีเมทัลและฮาร์ดร็อกในอเมริกา

เอ็ม ชาโดว์:

“พูดจากใจเลยนะ ผมคิดว่าดนตรีร็อกในอเมริกาอยู่ในจุดตกต่ำมาก ผมไม่คิดว่าตลาดเมนสตรีมจะสนใจดนตรีร็อกแล้วในตอนนี้ มันน่ากลัวเล็ก ๆ นะ มันจะยอดมากเลยถ้าเรามี ‘บิ๊กโฟร์'[1] รุ่นใหม่เพื่อนำพาดนตรีเมทัลไปอยู่ในที่ใหม่ ๆ แต่ก็เห็นได้ชัดว่าดนตรีเมทัลกำลังถูกทำลายลง เราอยากให้ดนตรีเมทัลมันกลับมาอันตรายอีกครั้ง มันจะเป็นไปได้มั้ย?”

เกี่ยวกับการที่เอเวนจ์ เซเวนโฟลด์ได้รับความนิยมมากขึ้นในทวีปยุโรป

เอ็ม ชาโดว์:

“มันทำให้ผมนึกถึงงานที่เราขายบัตรหมด 5,000 ใบที่ Gibson Amphitheatre ในแอลเอนะ หลังจากนั้นเราก็บินไปเล่นที่เยอรมันในสถานที่ที่จุคนได้ 300 และวันนั้นเราขายบัตรได้ไปแค่ 120 ใบเท่านั้น นั่นคือช่วงที่อัลบั้ม ‘City of Evil’ กำลังเป็นที่นิยมในสหรัฐฯ แต่ดูเหมือนมันจะไม่ค่อยน่าสนใจนักในยุโรป และตอนนี้ยอดขายบัตรคอนเสิร์ตในยุโรปมันก็แตะจุดเดียวกับที่เราทำได้ในสหรัฐฯ มันเป็นความรู้สึกที่ยอดเยี่ยมมาก ยังกับว่าเรากำลังสร้างศาสนาที่เป็นสากลขึ้นมาอยู่ และนี่มันเป็นจุดเริ่มต้นของบางสิ่งบางอย่างที่โคตรพิเศษ”

เกี่ยวกับอัลบั้มใหม่ Hail to the King ที่แตะท็อปชาร์ตของทวีปทั้งสองฝั่งของแอตแลนติก [อเมริกาและยุโรป]

ซินิสเตอร์ เกตส์:

“เราโชคดีมากที่แฟนเพลงทั่วโลกเปิดใจรับในวิวัฒนาการของพวกเรา เรารู้ว่าเราโชคดีแค่ไหน เราต้องการเปลี่ยนแปลงชีวิตของผู้คน ผมไม่ได้จะบอกว่าเราคือของขวัญจากพระเจ้านะ แต่เรากำลังสร้างความแตกต่าง เราพยายามที่จะทำในทุก ๆ ทางที่เราทำได้เพื่อที่จะก้าวไปข้างหน้าในทุกมุมมองของการเป็นวงดนตรี เพราะมันมีความหมายกับเรามาก เมทัลมีความหมายกับพวกเรา และเรารู้ว่ามันมีความหมายกับพวกเด็ก ๆ ข้างนอกนั่นแค่ไหน ความท้าทายคือการที่เราจะก้าวไปข้างหน้าด้วยกัน และนั่นคือทั้งหมดเกี่ยวกับการออกทัวร์ พาทุกสิ่งขึ้นไปสู่ระดับที่เหนือกว่าเดิม”

เกี่ยวกับโชว์บนเวทีของเซเวนโฟลด์

ซินิสเตอร์ เกตส์:

“ผมหวังว่าเราจะไม่ใช่พวกโมฮีแกน [ชนเผ่าหนึ่งในอเมริกา] พวกสุดท้ายที่ออกมาพร้อมกับโชว์ดนตรีร็อกที่ใหญ่และบ้าคลั่ง ผมโตมากับวงอย่าง [ไอออน] เมเดน และเมทัลลิก้า และผมหวังว่าเราจะไม่ใช่เผ่าพันธุ์สุดท้าย เราอยากจะส่งความมันของเราไปให้กับเด็ก ๆ เหล่านั้นเหมือนที่เราเคยได้รับจากวงดนตรีที่เราเติบโตมา เมทัลมันควรจะเป็นสิ่งที่่น่าตื่นเต้น น่าทึ่ง และโลดโผน เมื่อพวกเด็ก ๆ ยอมเสียเวลาและเงินมาดูพวกเรา เราเป็นหนี้พวกเขาและเราจะต้องทำให้มันเป็นค่ำคืนที่ดีที่สุดของชีวิตพวกเขา”

เกี่ยวกับคำวิพากษ์วิจารณ์จากศิลปินร็อกและเมทัลวงอื่น ๆ เกี่ยวกับยอดขายที่พุ่งสูงทั้งอัลบั้มและบัตรคอนเสิร์ต

เอ็ม ชาโดว์:

“ไม่มีวงเมทัลวงไหนทำสิ่งที่เรากำลังทำอยู่ เราก็ได้ยินเกี่ยวกับที่สมาชิกวงวงนึงที่ผมไม่ค่อยอยากจะพูดถึงเท่าไหร่ที่ออกมาพูดเมื่อเดือนก่อน ช่างหัวพวกแม่งสิ พวกเขารู้ว่าจะได้รับความสนใจมากขึ้นถ้าออกมาด่าเรา และนั่นมันเป็นหนทางในการโปรโมตวงของเขา ก็ไม่เป็นไร แต่เราจะไม่ทำแบบนั้น เราจะออกไปข้างนอกนั่นและทำทุก ๆ คืนให้ออกมายอดเยี่ยม และคุณจะเห็นว่ามันมีความหมายต่อผู้คนแค่ไหน”

ซินิสเตอร์ เกตส์:

“เราต้องการจะทำให้มันถูกต้อง เราโชคดีมากที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของดนตรีที่มีเอกลักษณ์ และเราจะต่อสู้เพื่อเมทัล เพื่อยุคที่รุ่งเรืองของดนตรีที่เรารัก เราเชื่อในสิ่งนี้ และมันเยี่ยมมากที่จะเห็นเหล่าเด็ก ๆ เป็นพันคนออกมาดูโชว์ที่เราทุ่มเท่ทั้งใจและวิญญาณลงไป เรามั่นใจในจุดนี้ เรารู้ว่าเราอยู่ในจุดไหน แต่เรารู้ว่าแม่งต้องมีเรื่องเข้ามาอีกเยอะแน่ ๆ และเราต้องการที่จะพาทุก ๆ คนไปด้วยกัน”

ผมคิดว่า ก่อนที่เอ็ม ชาโดว์จะบอกช่างหัวใคร ไปเรียกช่างทำผมมาดูแลหัวตัวเองก่อน ผมรับทรงผมไม่ได้ตั้งแต่แสกกลาง จนมาถึงผมทรงล่าสุดอันนี้ครับ สวัสดีครับ

ที่มา – Blabbermouth.net

[1] บิ๊กโฟร์ คือชื่อทางการตลาดของวงแทรชเมทัลซูเปอร์กรุ๊ป 4 วงมาร่วมกันออกทัวร์ นั่นคือเมทัลลิก้า, เมกาเดธ, สเลเยอร์ และแอนแทรกซ์