ยอมรับเลยครับว่าระยะหลังแทบจะเลิกตามงานของเจ๊ Avril Lavigne สาวป๊อปลุคพังค์ที่เคยโด่งดังเป็นพลุแตกช่วงต้นยุค 2000 แต่กลับกลายเป็นว่าหลังจากอัลบั้ม The Best Damn Thing (2007) เป็นต้นมา ซาวด์ดนตรีป๊อป-พังค์, โพสต์-กรันจ์ ที่เคยเป็นวัตถุดิบหลักสร้างชื่อให้กับเจ้าตัว ถูกแทนที่ด้วยดนตรีป๊อปแบบเต็มข้อ (บางเพลงหลุดไปแดนซ์เลยก็มี) จนแฟนๆดั้งเดิมต่างค่อย ๆ เบือนหน้าและขอลาจากกันชั่วคราวจนกว่าเจ๊จะหาทางกลับฝั่งเจอซะที
แล้วก็เป็น Love Sux สตูดิโออัลบั้มชุดล่าสุด ที่ออกมาโวเอาไว้ว่า “งานชุดนี้จะกลับไปใกล้เคียงรากเหง้าในช่วง 2 อัลบั้มแรกมากที่สุดเท่าที่เคยทำมาเลย” บอกตรงๆว่าทีแรกยังคาใจกับคำโปรยเหล่านี้ไม่น้อย แต่พอได้รับฟังทั้งอัลบั้มซ้ำไปซ้ำมาหลายรอบ เออ…จริงของเจ๊แฮะ จากคนที่เคยหันหลังให้กับผลงานยุคหลัง (อย่างผมเป็นต้น) เลยต้องกลับมากรี๊ดแตกในฐานะวัยรุ่นยุค 2000 ได้อย่างเต็มเสียงอีกครั้ง
เปิดตัวด้วย Cannonball ป๊อปพังค์จังหวะรวดเร็วใส่ไม่ยั้ง เมโลดี้รุกเร้าติดหูอย่างหนัก เท่านี้สาวกก็เนื้อเต้นอยู่เฉยไม่ได้แล้ว
- “Bois Lie (feat. Machine Gun Kelly)” ดรอปจังหวะให้ได้ความโจ๊ะแบบบับเบิลกัมแถมยังได้อีกหนึ่งศิลปินที่อยู่ในซีนอย่าง MGK อีก ไม่ฮิตให้มันรู้ไป
- “Bite Me” ซิงเกิลแรกที่ถูกปล่อยออกมา สนุกกันต่อแต่ต่างออกไปด้วยเมโลดี้ละมุนหูในคราบของอีโมเล็ก ๆ ในเอ็มวียังปรากฏตัวของ Travis Barker อีกด้วย ทั้งนี้ป๋าแกยังนั่งแท่นโปรดิวเซอร์ร่วมและยังช่วยอัดกลองในอัลบั้มให้อีกหลายต่อหลายเพลง
- “Love It When You Hate Me (feat. Blackbear)” พาวเวอร์ป๊อปที่ทำเก๋ใช้บีทฮิปฮอปเข้ามาเกลี่ยให้ตัวเพลงกลมกลืน โทนเพลงติดหม่นเล็กน้อย
- ไตเติ้ลแทรค “Love Sux” เมื่อรักมันห่วยก็ช่วยไม่ได้ อย่างไรก็ต้องขอมูฟออนไปกับจังหวะเร็ว ๆ ชวนคึกคักมากกว่าจะนั่งเสียใจ
- “Kiss Me Like The World Is Ending” ติดกลิ่นอีโม เมโลดี้และเนื้อหาสุดหวาน ท่อนฮุคดึงจังหวะนี่มันโคตรจะ 2000 จริง ๆ
- “Avalanche” สำหรับคนที่ชอบบัลลาดเท่ๆอย่างในอัลบั้มแรกๆ เพลงนี้น่าจะโดนและค่อนข้างใกล้เคียง คอรัสเมโลดี้สวยงามจับหูคนฟังอยู่ทันที
- “Deja Vu” ขัดใจเล็กน้อยตรงที่มันต่อกับ Avalanche แล้วโทน มู้ด คีย์ของเพลง มันแทบจะเหมือนกันเกินไปหน่อย จริง ๆ ตัดเพลงนี้ออกไปก็ได้ไม่เสียหายนัก
- “F.U.” กลับมาพังค์มันๆกันต่อกับเสียงแปดหลอดของเจ๊ ต่อว่าไอ้พวกผู้ชายที่มันไม่เห็นค่า นี่กูฟังพี่ ปาน ธนพร อยู่รึเปล่าเนี่ย 5555
- “All I Wanted (feat. Mark Hoppus)” มี Travis คงไม่พอเลยลากพี่มาร์ค เบส/ร้องนำ จาก ฺBlink-182 มาร่วมดูเอต จังหวะชวนโดดเมโลดี้สดใสเนื้อหาโพสิทีฟ ฟังเพลินตามมาตรฐาน
- “Dare To Love” บัลลาดเปียโนหม่นเศร้าปล่อยให้เจ๊ได้ระบาย ถือซะว่าได้พักล้างหูสักนิด
- “Break Of A Heartache” ปิดด้วยป๊อปพังค์จังหวะเมามัน สั้น กระชับ ภาคการร้องรัวเร็วแทบไม่ต้องหายใจแบบรวดเดียวจบไปแบบสตรองๆ
ไม่ต้องคาดหวังอะไรสดใหม่ เพราะไม่มีเลยแม้เพียงนิด แต่การย้อนกลับไปทำในสิ่งที่ถนัดบางทีก็กระตุ้นให้เรารู้สึกเฟรชได้เหมือนกันไม่ใช่หรือ


เขียนงานรีวิวที่ https://www.blockdit.com/birthzyalbumreview และ https://web.facebook.com/ziamsongs