ย้อนกลับไปเมื่อปี 2005 ค่ายเพลงเมทัลยักษ์ใหญ่อย่าง Roadrunner Records ได้ผุดโปรเจกต์ฉลองครบรอบ 25 ปีของทางค่ายในชื่อ Roadrunner United : The All-Star Sessions โดยได้รวบรวมเหล่าออลสตาร์ที่เคยออกผลงานกับค่าย ทั้งศิษย์เก่า ศิษย์ใหม่ รวมถึงศิษย์ปัจจุบันมาร่วมกันสร้างผลงานเพลงพิเศษในโปรเจกต์นี้ ซึ่ง ณ เวลานั้นเรียกเสียงฮือฮาให้กับวงการดนตรีเมทัลเป็นอย่างมาก เพราะการรวมตัวของแต่ละศิลปินไม่ใช่เรื่องง่ายเลย และอีกหนึ่งความน่าสนใจทีมงานได้มีการคัดเลือกกัปตันทีม 4 คน เพื่อเป็นแกนนำรันโปรเจกต์นี้ ได้แก่



1.Joey Jordison

มือกลองร่างเล็ก ฝีมือนรกแตกจากวง Slipknot และมือกีตาร์วง Murderdolls ในตอนนั้น มาพร้อมกับฝีมือทางดนตรีแบบครบเครื่อง เล่นได้ทุกชิ้น ส่วนแทร็กในอัลบั้มนี้ที่พลาดไม่ได้ของ Joey ส่วนตัวยกให้เพลง ‘”Annihilation By The Hands of God” (เพลงที่ 3 ในอัลบั้ม) กับดนตรีสไตล์ซาตานิก เดธ เมทัล อันโหดเหี้ยม บลาสต์บีตกระจาย พร้อมแขกรับเชิญตรงสาย อย่าง Glen Benton นักร้องนำวง Deicide, James Murphy มือกีตาร์จากวง Obituary, Rob Barrett มือกีตาร์วง Malevolent Creation, Matt DeVries มือกีตาร์จากวง Chimaira และ Steve Di Giorgio มือเบสไร้เฟรตจากวง Sadus

2.Robb Flynn

มือกีตาร์, ร้องนำ และฟรอนต์แมนจากวง Machine Head วงที่เคยทำสถิติยอดขายสูงสุดของค่าย Roadrunner Records จากอัลบั้ม Burn My Eyes กับสไตล์ดนตรีกรูฟ/แธรช เมทัล ที่โดดเด่นด้วยเพาเวอร์ คอร์ดและเสียงฮาร์โมนิก แทร็กที่โคตรประทับใจต้องยกให้เพลงเปิดอัลบั้มอย่าง “The Dagger” ภาคดนตรีอันดุดันสไตล์ Machine Head ที่ผสมความเป็นเมทัลคอร์นิด ๆ พร้อมด้วยแขกรับเชิญสุดเจ๋ง ได้แก่ Howard Jones จาก Killswitch Engage, Jeff Walters มือกีตาร์ตัวเทพจากวง Annihilator, Jordan Whelan มือกีตาร์จากวง Still Remains, Christian Olde Wolbers มือเบสจากวง Fear Factory และ Andols Herrick มือกลองจากวง Chimaira

3.Dino Cazares

มือกีตาร์จากยอดวงอินดรัสเทียล เมทัล Fear Factory ถูกคัดเลือกให้เป็นกัปตันด้วยเช่นกัน Dino จัดว่าเป็นมือกีตาร์สายริธึ่มที่โคตรเจ๋ง ส่วนแทร็กที่ชอบมากคือเพลง “The Enemy” ดนตรีออกมาทางแธรช เมทัล ที่มีพาร์ตดนตรีอันหลากหลาย นอกจากความเกรี้ยวกราด เพลงนี้ยังโชว์ความงดงามด้วยซาวด์กีตาร์คลาสสิคในช่วงอินโทรและเอาต์โทรด้วย ส่วนแขกรับเชิญเพลงนี้ได้แก่ Mark Hunter นักร้องนำวง Chimaira, Andreas Kisser มือกีตาร์จากวง Sepultura, Paul Gray มือเบสจากวง Slipknot และ Roy Mayorga จากวง Soulfly ในตอนนั้น

4.Matt Heafy

กัปตันทีมที่อายุน้อยที่สุดในตอนนั้น ในปี 2005 Matt มือกีตาร์และนักร้องนำจากวง Trivium มีอายุเพียง 19 ปี เท่านั้น! แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาเพราะฝีมือของเจ้าตัวเก่งเกินวัยไปมาก และช่วงนั้นอัลบั้ม Ascendancy ของ Trivium ก็ได้รับการยกย่องและชื่นชมจากนักวิจารณ์ ซึ่งเจ้าตัวก็งัดฝีมือมาโชว์ร่วมกับศิลปินรุ่นใหญ่อย่าง King Diamond ในเพลง “In The Fire” ส่วนแทร็กที่ชอบส่วนตัวคือเพลง “Dawn of a Golden Age” ในสไตล์แบล็ก เมทัล ที่มืดมนและทำลายล้างสุด ๆ อารมณ์ใกล้เคียงกับ Cradle of Filth มาก ๆ โดยมีศิลปินรับเชิญในเพลงนี้ ได้แก่ Dani Filth นักร้องนำวง Cradle of Filth มากรีดร้องเสียงปีศาจได้อย่างสะใจ, Justin Hagberg มือกีตาร์จากวง 3 Inches of Blood, Sean Malone มือเบสจากวง Cynic และ Mike Smith มือกลองจากวง Suffocation

ส่วนแขกรับเชิญคนอื่น ๆ ก็มีตัวอย่างเช่น Corey Taylor จาก Slipknot, Dez Fafara จาก Devil Driver และ Coal Chamber, Peter Steele และ Josh Silver จาก Type O Negative, Michale Graves จาก The Misfits, Nadja Paulen จาก Coal Chamber, Mikael Akerfeldt จาก Opeth, Cristian Machado และ Dave Chavarri จาก Ill Nino, Tim Williams และ Matt Baumbach จาก Vision of Disorder, Daryl Palumbo จาก Glassjaw, Max Cavalera จาก Soulfly เป็นต้น

ในส่วนของแพคเกจซีดีถูกแบ่งออกเป็น 2 แผ่น แผ่นแรกจะเป็นเพลงในอัลบั้มทั้งหมด ส่วนอีกแผ่นจะเป็น CVD/DVD (แล้วแต่แพคเกจ) ที่บันทึกภาพการทำงานเบื้องหลังของกัปตันทั้ง 4 และศิลปินรับเชิญ ที่เราจะได้รับชมกันเต็มอิ่มในเวลาชั่วโมงนิด ๆ แต่ละซีนบอกได้เลยว่านาทีประวัติศาสตร์ชัด ๆ

นอกจากนั้นยังมีคอนเสิร์ตจัดขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองวันเกิดครบรอบ 25 ปีของค่ายเพลง Roadrunner อีกด้วย ซึ่งภายในคอนเสิร์ตมีการเล่นเพลงในอัลบั้มของ Roadrunner United รวมไปถึงผลงานเพลงคลาสสิคมากมายหลายเพลงที่ผลิตภายใต้ต้นสังกัดดังกล่าว

(รับชมคลิปได้ท้ายบทความ)

กลายเป็นอัลบั้มที่กลายเป็นประวัติศาสตร์ของวงการดนตรีเมทัลทั่วโลกไปแล้ว นับจากตอนนั้นจนถึงปัจจุบันก็ผ่านพ้นไปถึง 15 ปีแล้ว ไวเป็นบ้า จนถึงตอนนี้เรายังไม่มีโอกาสได้เห็นโปรเจกต์พิเศษแบบนี้อีกเลย ก็แน่แหล่ะครับการรวมตัวของศิลปินต่างเมือง ต่างประเทศ ต่างแนวทาง มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

อีกสิ่งสำคัญที่นอกจากได้ฟังเพลงในอัลบั้มนี้แล้ว การให้เห็นการทำงานของศิลปินไม่ว่าจะรุ่นเล็กหรือรุ่นใหญ่ แนวโมเดิร์นหรือโอลด์ สคูล ทุกคนกลับทำงานกันได้หมดอย่างไร้อีโก้เรื่องการแบ่งแยกแนวดนตรี ทุกคนต่างเคารพกันและกัน นี่คือตัวอย่างที่ดีที่นักดนตรีและศิลปินทุกคนควรเรียนรู้ไว้เป็นแบบอย่าง เพราะมันจะทำให้วงการดนตรีมันเติบโตอย่างแข็งแรงแน่นอนครับ