เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายนที่ผ่านมาคือวันที่เหล่าชาวร็อกมุ่งหน้าไปยังเซ็นเตอร์พอยต์สตูดิโอ เพื่อชมคอนเสิร์ตของวงดนตรีเมทัลคอร์ขวัญใจวัยรุ่น Bring Me the Horizon ตัวเป็น ๆ กันเป็นครั้งแรกในประเทศไทย ทางวงได้มาถึงประเทศไทยล่วงหน้าหลายวันหลังจากเสร็จภารกิจจาก Knotfest ที่ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งผมก็ได้ยินจากเพื่อนหลายคนที่บินไปร่วมงานมาว่า โอลิเวอร์ นักร้องนำของวงเสียงตกมาก ทำเอาเราหวั่นใจกับโชว์ในกรุงเทพกันเลยทีเดียวเชียว
ช่วงก่อนงานเริ่ม ด้านหน้าสถานที่จัดงานมีแฟนเพลงเดินทางมารวมตัวกันเป็นจำนวนมาก แถวต่อคิวแลกสายรัดข้อมือเข้างานยาวเหยียด เช่นเดียวกับแถวบูทอื่น ทั้งบูทขายเสื้อทัวร์ของวง, บูทรับฝากของเองก็เนืองแน่นไปด้วยผู้คนไม่แพ้กัน ก่อนที่ทุกคนจะทยอยเข้าไปในสตูดิโอตามเสียงประกาศของเจ้าหน้าที่ ก่อนเข้างานแอบเห็นศิลปินดังมาร่วมงานครั้งนี้หลายวงครับ ทั้ง Bodyslam, Lomosonic และ Ebola เป็นต้น
พอเข้ามาภายในงานก็พบว่า เวทีถูกแบ่งสัดส่วนไว้อย่างชัดเจน มีแอมป์กีตาร์สองฝั่ง แอมป์เบส ต่อด้วยแสตนด์ของซินธิไซเซอร์ที่ฝั่งซ้าย และแสตนด์กลองที่ฝั่งขวา ก่อนคอนเสิร์ตจะเริ่มในงานเปิดเพลงของวง Limp Bizkit ให้คนดูวอร์มร่างกายรอไปพลาง ๆ ยืนฟังไปได้ไม่นาน ประมาณ 20:30 น. การแสดงก็เริ่มต้นขึ้น อินโทรบรรเลงด้วยเสียงสังเคราะห์ตลบอบอวลไปทั่วสตูดิโอ ก่อนจะเสิร์ฟด้วยเพลง “Shadow Moses” เป็นเพลงแรก แล้วต่อด้วย “Go to Hell, for Heaven’s Sake”, “The House of Wolves”, “Alligator Blood”, “Diamonds Aren’t Forever”, “And the Snakes Start to Sing”, “Empire”, “Chelsea Smile”, “Can You Feel My Heart” และ “Antivist” และจบช่วงแรกไปก่อนจะเข้าสู่ช่วงอังกอร์ให้คนดูตะโกนเรียกวงออกมาเล่นต่อ
และก็กลับมาตามคำเรียกร้อง BMTH ประเคนสองเพลงสุดฮิต “Blessed With a Curse” ก่อนจะปิดท้ายด้วย “Sleepwalking” ซึ่งในแต่ละเพลงก็เต็มไปด้วยความสนุกสนาน มีทั้งเสียงโห่ร้องตามเพลง, มอชพิต, เซอร์เคิลพิต, แท็ก, บอดี้เซิร์ฟ (ที่งานนี้รู้สึกว่ามีน้อยผิดปกติ) และวอลออฟเดธที่โอลิเวอร์สั่งให้คนดูแยกฝั่งเป็นระยะ ๆ
ส่วนการวางสัดส่วนเชื่อมต่อระหว่างเพลง ทางวงเลือกใช้ซาวด์สังเคราะห์มาเชื่อม รวมถึงใช้วิชวลเอฟเฟกต์ฉายกราฟิกและแสงไฟให้เข้ากับบรรยากาศเพลง ให้มุมมองสวยงามอลังการ แต่ก็ทำให้เสียอรรถรสในการเล่นสดอย่างต่อเนื่องไปไม่น้อยทีเดียว งานนี้นักดนตรีสื่อสารกับคนดูน้อยเมื่อเทียบกับวงดนตรีอื่น ๆ เน้นที่การแสดงมากกว่า ส่วนที่แอบกังวลอย่างเสียงร้องของโอลิเวอร์ก็ผ่านไปได้ด้วยดี เซ็ตลิสต์ที่วงเตรียมมาเล่นจริง ๆ แล้วมีซิงเกิลใหม่ “Drown” ด้วย แหต่เหตุไฉนถึงไม่เล่นก็ไม่อาจทราบได้ รวมไปถึงเพลงจะเน้นมาที่อัลบ้มใหม่ ๆ หน่อย เก่าที่สุดที่หยิบมาเล่นก็มาจาก Suicide Season ส่วนใครที่รอเพลง “Pray for Plagues” จากอัลบั้ม Count Your Blessings อัลบั้มเต็มชุดแรกสมัยวงเล่นเดธคอร์ก็แห้วไปตามกัน (เสียใจ T_T)
โชว์โดยรวมใช้เวลาไปประมาณ 50 นาทีครับ จบไปแบบที่หลายคนงงเหมือนกัน ฮ่า ๆ ก็ถือว่าเป็นคอนเสิร์ตที่ทำให้ผมหายอยากไปได้หลังจากที่รอดูมานาน แต่ไม่อาจทำให้คลั่งไปกับพวกเขาได้มากเท่าที่ควร มันยังไม่สุดยังไงก็ไม่รู้ครับ ลองจินตนาการว่าถ้าวงมาช่วงที่ออกสองอัลบั้มแรกบรรยากาศในงานคงจะออกมาคนละแบบและเดือดดาลกว่านี้มากเลยทีเดียว แต่งานนี้ก็ทำให้หลายคนประทับใจไม่น้อยเช่นกันครับ
ภาพถ่ายโดยพี่อาร์ตวง Sudden Face Down ติดตามผลงานได้ที่เพจ ART ILIE_Romania Fotograf และขอบคุณพี่อิ๊กสำหรับภาพเซ็ตลิสต์ด้วย ขอบคุณพี่ ๆ ทั้งสองมาก ๆ ครับ

- Owner, Co-Founder and Writer of Headbangkok
- Vocalist : Tragedy of Murder