ALTERNATIVE PRESS ได้จัดทำบทความนี้ขึ้นมาเพื่อแยกให้เราได้ลองกลับไปดูว่า เราจดจำดนตรีสายป๊อบพังค์ได้จากยุคใดบ้าง วงจรชีวิตของดนตรีแนวป๊อบพังค์นั้นถือว่าเป็นรูปแบบวงจรหลักอีกแนวหนึ่ง ที่เริ่มจากการแจ้งเกิดแบบถล่มทลาย ตามมาด้วยการเบาบางลงของกระแส แล้วก็วนกลับไปที่การฟื้นฟูตัวเองขึ้นมาใหม่อีกครั้ง และจากวงจรชีวิตแบบนี้เอง เราจะสามารถแยกรอยต่อในแต่ละยุคของดนตรีป๊อบพังค์ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น อย่างการจุดระเบิดครั้งแรกของวง GREEN DAY ซึ่งส่งแรงหนุนต่อเนื่องทะยานสู่ชั้นบรรยากาศในกระแสหลักที่ช่วงปลายยุค 90 กับวง BLINK 182 จากนั้นจึงการกลายพันธุ์ไปสู่ดนตรีอีโม ในช่วงต้นยุค 2000 เราไม่สามารถปฏิเสธได้เลยว่าดนตรีป๊อบพังค์ได้มีอิทธิพลต่อดนตรีในยุคหลังๆ ต่อเนื่องยาวนานมากมายขนาดไหน และยังไม่มีทีท่าว่าจะล้มหายตายจากไปง่ายๆ เสียด้วย ต่อจากนี้เราจะไปดูกันว่าป๊อบพังค์แบบไหน ที่เป็นที่จดจำที่สุดใน 5 ยุคเหล่านี้

ยุคสถาปนาป๊อบพังค์

ย้อนกลับไปในช่วงก่อนที่วงอย่าง GREEN DAY และ BLINK 182 จะได้รับความนิยม ดนตรีป๊อบพังค์ถูกผลักดันอย่างชัดเจนมาก่อนด้วยวงอย่าง BUZZCOCKS จากสหราชอาณาจักร ซึ่งได้รับบทเป็นผู้บุกเบิกในช่วงยุค 70 จากนั้นวงอเมริกันอย่าง DESCENDENTS ก็วิ่งมารับช่วงถือคบเพลิงต่อไปในยุค 80 และในช่วงต้นยุค 90 นั้น วงอย่าง SCREECHING WEASEL และ THE QUEERS ประสบความสำเร็จภายใต้สังกัดอิสระอย่าง LOOKOUT! RECORDS สังกัดที่ได้ชื่อว่าเป็นศูนย์รวมแห่งดนตรีพังค์ในช่วงปลายยุค 80 จนถึงต้นยุค 90 แถมสื่ออย่าง ALTERNATIVE PRESS ก็ได้ถือกำเนิดขึ้นในช่วงเดียวกันเมื่อปี 1985

ยุคป๊อบพังค์ชายฝั่งตะวันตก (1994-1997)

ค.ศ. 1994 คือปีทองของดนตรีป๊อบพังค์ GREEN DAY ได้ปล่อยสตูดิโออัลบั้มอย่าง DOOKIE ออกสู่สาธารณชน และเป็นอัลบั้มที่ประสบความสำเร็จในวงกว้างครั้งยิ่งใหญ่ของดนตรีแนวนี้ (ภายหลังอัลบั้มนี้ได้รับการรับรองจาก สมาคมผู้ประกอบกิจการเพลงแห่งสหรัฐอเมริกา ว่าเป็นอัลบั้มที่มียอดขายในระดับไดมอนด์ หรือทำยอดขายได้ตั้งแต่ 10 ล้านก๊อปปี้เป็นต้นไป) ซึ่งในปีเดียวกัน วง NOFX ได้ปล่อยอัลบั้ม PUNK IN DRUBLIC อัลบั้มที่ประสบความสำเร็จของวงที่สุดเช่นกัน โดยทำยอดขายได้ถึงระดับโกลด์ (500,000 ก๊อปปี้ขึ้นไป แต่ไม่ถึงล้านก๊อปปี้) หรือทาง OFFSPRING ก็ทำรายได้ถล่มทลายเช่นกัน จนถึงปัจจุบัน ยอดขายพุ่งไปแล้วถึง 6 ล้านก๊อปปี้

แม้ว่าวงอย่าง NIRVANA ดูจะห่างไกลจากความเป็นป๊อบพังค์ไปสักหน่อย แต่ก่อนที่ KURT COBAIN จะจากไป พวกเขาได้กรุยทางเผื่อเอาไว้ให้วงสายตระกูลพังค์ได้ลืมตาอ้าปากกันได้อย่างไม่ยากเย็นนัก รวมถึงดนตรีป๊อบพังค์ด้วย

ยุคมหากาพย์แห่งป๊อบพังค์ (1998-2002)

ทฤษฎีที่ว่าด้วยการกำเนิดเอกภพในจักรวาลวิทยาเรียกกันว่าบิ๊กแบง ถ้าอย่างนั้นนี่ก็คือยุคที่ป๊อบพังค์ได้ระเบิดกระจายออกจากจุดเริ่มต้น ขอบเขตและกาลเวลาของดนตรีป๊อบพังค์ขยายตัวต่อเนื่องอย่างไม่รู้จบ ยุคที่รุ่งเรือง เฟื่องฟู ยุคที่สว่างไสวที่สุดของป๊อบพังค์มาถึงแล้ว ในช่วงปลายยุค 90 หรือต้นยุค 2000 การเห็นวงอย่าง BLINK 182 หรือ SUM 41 ในช่องเอ็มทีวีไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่แต่อย่างใด คุณไม่สามารถหลีกหนีดนตรีแนวนี้ได้อีกแล้ว ป๊อบพังค์แพร่กระจายไปในกระแสหลักอย่างไม่อาจปฏิเสธได้อีกต่อไป อัลบั้มอย่าง ENEMA OF THE STATE ของ BLINK 182 ประสบความสำเร็จสูงที่สุดในช่วงเวลานี้ด้วยยอดขายกว่าห้าล้านก๊อปปี้ อีกทั้งยังส่งอิทธิพลต่อวงป๊อบพังค์คลื่นลูกใหม่เป็นอย่างมาก

แม้ว่าต่อมากระแสของ BLINK 182 และ SUM 41 จะเริ่มแผ่วลง แต่เปลวเพลิงอันร้อนแรงของยุคก็ยังคงโชติช่วงต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง จากเพลง “LIFESTYLES OF THE RICH AND FAMOUS” ของวง GOOD CHARLOTTE ที่ยังคงติดชาร์ต 40 อันดับของแทบทุกคลื่นวิทยุ เช่นเดียวกันกับ “I’D DO ANYTHING” ของ SIMPLE PLAN รวมไปถึงการที่วงอย่าง NEW FOUND GLORY และ MXPX ได้เซ็นสัญญาเข้าสังกัดใหญ่และก้าวข้ามไปเป็นดนตรีกระแสหลัก

การมาถึงของอีโม (2003-2007)

หลังจากช่วงเวลาอันหอมหวานของยุคที่แล้วมาถึงจุดอิ่มตัว กระแสป๊อบพังค์ได้หยุดพักผ่อนตามอัธยาศัยจนถึงช่วงประมาณปี 2004 แล้วหลายๆ อย่างก็เริ่มกลับมาคึกคักอีกครั้ง หลายวงจากยุคก่อนออกเดินทางใหม่ ปรับเปลี่ยนทิศทางเข้าหากระแสป๊อบมากขึ้น โดยแง้มประตูเอาไว้เพื่อรอคลื่นลูกต่อไปที่เต็มไปด้วยทัศนคติสดใหม่ ที่จะมารับช่วงต่อมรดกความสำเร็จ ผู้ซึ่งกำลังจะมาถึงในไม่ช้านี้

ก่อนหน้านี้ไม่กี่ปีวง SAVES THE DAY ได้ปล่อยอัลบั้มเพลงที่โดดเด่นมากๆ ออกมาในชื่อว่า STAY WHAT YOU ARE ซึ่งนับว่าเป็นอัลบั้มต้นแบบที่วงดนตรีรุ่นใหม่นำไปต่อยอดได้มากมาย ในการผสมผสานดนตรีป๊อบพังค์และอีโมเข้าด้วยกัน

สังกัดอิสระเล็กๆ แห่งหนึ่งในแคลิฟอร์เนีย ซึ่งพี่น้องคู่หนึ่ง (RICHARD กับ STEFANIE REINES) ก่อตั้งขึ้นที่บ้านของพวกเขาในนาม DRIVE-THRU RECORDS ได้ผลักดันให้วงอย่าง THE STARTING LINE, SOMETHING CORPORATE และ SENSES FAIL ได้แจ้งเกิดบนถนนสายนี้ และยุคนี้เอง ที่จุดเริ่มต้นความสัมพันธ์ของดนตรีป๊อบพังค์กับโลกสังคมอินเทอร์เน็ตได้ถือกำเนิดขึ้น เว็บไซต์ MYSPACE กลายเป็นพันธมิตรที่ทรงพลังที่สุดของวงดนตรีในยุคนี้ และเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้วงอย่าง FALL OUT BOY และ PARAMORE ได้แจ้งเกิด และโจนทะยานต่อเนื่องทะลุชั้นบรรยากาศโลกไปอย่างไม่มีใครสามารถหยุดได้ จนเข้าสู่ช่วงปี 2007 ที่คลื่นอีกระลอกซึ่งมีความป๊อบมากกว่า สดใสมากกว่า ได้ถาโถมซ้ำเข้ามาอีก นำโดย ALL TIME LOW, MAYDAY PARADE และวงอย่าง THE MAINE

ยุคแห่งการฟื้นฟู (2008-ปัจจุบัน)

ยุคทองของ ป๊อบพังค์-อีโม จบลงไปอย่างรวดเร็ว วงอย่าง FALL OUT BOY และ PARAMORE ก็เริ่มหันหน้าเข้าสู่ทิศทางของกระแสหลักมากขึ้น สังกัด DRIVE-THRU RECORDS ก็ถึงคราวต้องปิดตัวลง ป๊อบพังค์เสื่อมความนิยมลงกว่าที่เคยเป็น พร้อมกับการมาถึงของกระแสดนตรีเมทัลคอร์ แต่แล้วช่วงปี 2008 ก็เริ่มมองเห็นถึงการฟื้นตัวของป๊อบพังค์อีกครั้ง ผู้นำทัพกลับมาคราวนี้ก็คือวงอย่าง THE WONDER YEARS, MAN OVERBOARD และ THE STORY SO FAR โดยได้รับการสนับสนุนจากสังกัดที่มีชื่อเสียงอย่าง HOPELESS, FEARLESS และแม้กระทั่งสังกัดที่ขึ้นชื่อเรื่องสะสมวงสายหนักอย่าง RISE RECORDS ก็เอากับเขาด้วย

การระเบิดกระแสอย่างรุนแรงอีกครั้งเกิดขึ้นโดยมี A DAY TO REMEMBER เป็นผู้จุดชนวน พวกเขากลับมาช่วยเยียวยายุคนี้ให้ฟื้นตัวได้เร็วขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย ถึงแม้ว่าวงเองจะมีการผสมผสานแนวดนตรีที่หลากหลาย ทั้งป๊อบพังค์ เมทัลคอร์ และเมโลดิกฮาร์ดคอร์ ถ้าว่ากันจริงๆ แล้ว พวกเขากำลังทำให้เห็นว่าดนตรีแบบป๊อบพังค์นั้นยังสามารถเจริญเติบโตไปได้อีกในรูปแบบใหม่ และสามารถเข้าถึงคลื่นวิทยุได้ด้วย

ตอนนี้เราคล้ายจะเดินกลับมาสู่ปลายยุค 90 อีกครั้ง ยุคที่ดนตรีป๊อบพังค์ยังได้รับความนิยม มีวงคลื่นลูกใหม่อีกมากที่เกิดขึ้นมาเพื่อช่วยฟื้นฟูดนตรีแนวนี้ เช่น REAL FRIENDS, STATE CHAMPS, MODERN BASEBALL, NECK DEEP และวงอย่าง KNUCKLE PUCK

คำถามก็คือ ยุคต่อไปในอนาคตที่จะถึงนี้จะเป็นอย่างไร? กระแสดนตรีสายนี้จะกลับมาดังพลุแตกได้เหมือนก่อนหรือไม่? วงเหล่านี้จะสามารถเป็นตำนานแห่งวันพรุ่งนี้ได้หรือเปล่า? หรือเราจะต้องกลับไปสู่ใต้ดิน ถิ่นเดิมที่จากมา…

ต้นฉบับจาก ALTERNATIVE PRESS